Sunday, November 9, 2008

มาแต่ไกล ใกล้มาแล้ว

ความทุกข์แวะมาเยี่ยมเยียนเป็นระยะ ๆ มีจังหวะและทิศทางวกวน เลี้ยวเคี้ยวคดโค้งไม่น้อยไปกว่าจำนวนโค้งที่นับได้จากเชียงใหม่ไปถึงแม่ฮ่องสอน ความทุกข์มีหน้าตาหลายแบบ มีทั้งแบบที่เห็นได้ ชัด เช่น ความไม่มีเงินในกระเป๋าสตางค์ สมุดบัญชีธนาคารติดลบ ความเบื่ออาหารที่ไม่มีรสชาด ความอ้วน ความเหนื่อยสมองในการที่จะต้องพูดภาษาอังกฤษไม่น้อยกว่าวันละประมาณแปดชั่วโมง การ และ ความนานาประการ ที่จัดให้เป็น ความทุกข์ ทุกๆรูปแบบ

แบบที่มองไม่เห็นแต่ใจสัมผัสถึง เป็นความรู้สึกดิบๆกระเด้งมา สะท้อนกลับไปกลับมาที่ใจเ พราะต้องเผชิญหน้าความรู้สึกเหล่านี้อยู่เป็นเนืองนิจ เช่น ความรู้สึกไม่เท่าเทียมกันในสังคม การเหยียดสีผิวซึ่งนำไปสู่ความรู้สึกกดดันในที่ทำงาน การสร้างความสัมพันธ์กับผู้คนรอบข้าง ความเข้าใจผิดในการสื่อสาร การพยายามทำงานหนักเพื่อพิสูจน์ให้คนที่นี่เห็นว่า เราทำได้ ความอดทนกับการมีอคติของคนที่มองโลกไม่กว้างพอ การอยู่ในวงสนทนาที่ไม่ค่อยมีส่วนร่วม ความทุกข์ทุกๆรูปแบบบีบหัวใจ ทำให้รู้สึกอึดอัด รันทดจิต เบื่อกับสิ่งต่างๆรอบตัว ไม่ชอบความทุกข์

การพยายามมองหาประโยชน์ของความทุกข์เป็นเรื่องที่ท้าทายเราอย่างมาก เหมือนกับการทดลองทำอะไรบางอย่างที่ไม่รู้ว่า กำลังทำอะไร และทำไปเพื่ออะไร พยายามบอกตัวเองว่า ก็แค่ความทุกข์ เป็นสิ่งชั่วคราว ตอนที่มีความทุกข์มักจะคิดไม่ออกว่า เดี๋ยวมันก็ไป เดินมาทำให้เราซึมแล้วก็จากไป เราไม่เคยเชื้อเชิญเจ้าความทุกข์เหล่านั้นเลย กลับชอบมาเยี่ยมตอนที่ไม่ได้เชิญ กรุยกรายมาในวันที่ทุกอย่างดูสงบ เงียบ

บางครั้งทนไม่ไหวกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญท่านนี้ จึงบอกตัวเองดังๆว่า เอาหละ ถ้าเจ้าความทุกข์มาเยี่ยมอีกเมื่อไหร่ จะจับสติ ตั้งรับให้มั่น ให้สติเป็นประตูเลือก เค้น เฟ้นหาประโยชน์ของความทุกข์ เบื่อเหลือเกินที่จะต้องเป็นผู้ถูกกระทำตลอดเวลา ชีวิตที่อเมริกาเกือบสี่ปีมีสระพันความทุกข์ ความสุขก็มีไม่ใช่ย่อย
ที่เยี่ยมที่สุดคือ ได้เรียนรู้ หาประโยชน์จากความทุกข์ มากขึ้นอีกสิบเท่าตัว ดังนี้

หนึ่ง มนุษย์ไม่ควรหลง ยึดติดกับทั้งความสุขและความทุกข์ เมื่อมีสุขให้สุขพอดี ยามเผชิญทุกข์ให้อดทน ก้าวข้ามให้ได้

สอง ความทุกข์เดินขึ้นตาชั่งมาคานจังหวะชีวิตให้สมดุล จุดสมดุลในชีวิตมักจะเกิดขึ้นหลังจาก ความสุขกับความทุกข์สู้รบปรบมือกันเพื่อให้ตาชั่งในชีวิต มีน้ำหนักที่พอเหมาะ ถ้าอยากได้ความสมดุลต้องเตรียมใจให้พร้อมรับความผกผัน ความทุกข์และความสุขเดินตามกันมา ผลัดกันแซงหน้า ความสุขมา เรายิ้มร่า หัวใจพองโต อีกไม่เท่าไหร่ความสุขหายตัวไป ยังไม่ทันกอดไว้ให้มั่น เหลือเพียงเงา ความทุกข์เบียดมาบนพื้นที่อีกแล้ว ไม่รู้ใครอนุญาติให้มา รอยยิ้มเมื่อกี้รางเลือน สีหน้าแววตาเปลี่ยน หัวคิ้วขมวดชนกัน ลมหายใจถี่เร็ว ไม่เป็นจังหวะ ถามใจตัวเองว่าความสุขจะกลับมาอีกเมื่อไหร่ ความสุขคืออะไร

สาม ความทุกข์สอนให้ตระหนักถึงคุณค่าที่แท้จริงของความสุข ทุกคนใฝ่หาความสุขทั้งระยะสั้น และระยะยาว ใครสามารถถนอมรักษาความสุขให้อยู่นานได้ ความทุกข์ก็อาจจะมาเยี่ยมน้อยลง พูดง่ายๆแบบนี้แหละ แต่ก็ยังทำไม่ค่อยได้ ต้องฝึก ต้องฝึก ฝึกใจให้เดินไปตามทางที่ควรจะไป หลายครั้งเดินอ้อม หวังว่าจะพบความสุขเร็วและนานขึ้น กลับเจอสิ่งที่อยู่ตรงข้าม โอ้เจ้าประคุณ แต่ไม่เป็นไร ในที่สุดก็สามารถหาห้องหับให้ใจอยู่ในที่ที่เหมาะสม ในน้ำหนักที่ไม่มากเกินตัว ความสุขชั่งเป็นเพื่อนคู่แท้ของความทุกข์จริงๆ

สี่ ความทุกข์มาต้องรู้จักขอบคุณ ขอบคุณที่ให้โอกาสต่อรองกับอารมณ์ของตนเอง ฝึกทำแบบทดสอบชีวิตที่เราเป็นผู้ตรวจและให้คะแนน พยายามอย่าเข้าข้างตัวเองมากเกินไปจนขาดสมดุล ขอบคุณใจที่ทำงานหนักเพื่อให้กายทรงตัวได้ ขอบคุณใจที่รู้สักปลด ระ วาง ความล้นของอารมณ์ที่ขุ่นมัวเพื่อให้ชีวิตพร้อบรับความสุขอีกครั้ง

ห้า เขียนจบบทนี้ได้ ความทุกข์หายไปชั่วคราว มีความสุขตามที่อักขระพรรณนาไว้ ณ อารมณ์นี้

ห้าจุดหนึ่ง โอ้ อเมริกา ขอบคุณโอกาสที่ได้มาใช้ชีวิตที่นี่ โอกาสที่ทำให้ตัวเองตระหนักว่า ความสุขและความทุกข์เป็นเพียงมายา มาแล้วก็ไป

ความสุขใกล้เพียงปรายตามอง ไกลทุกข์ได้ถ้าใจปล่อยวาง

No comments:

About Me

My photo
almost reaching her 40 and she is very happy to be able to wake up everyday, learn and live a good life.