Sunday, December 28, 2008

เปลี่ยน


เพื่อนของสามีแวะมากินข้าวเย็นที่บ้าน บนสนทนาออกรสชาดมากกว่ารสจัดจ้านของอาหารที่ทำวันนี้
เพื่อนคนนี้เป็นคนดี เป็นเกย์ เป็นคนอเมริกัน อายุต้นสี่สิบ เช่าอพารต์เมนท์อยู่คนเดียว ทำงานอยู่ ดี ซี
จุดมุ่งหมายหลักในปีหน้า คือแสวงหาการเปลี่ยนแปลงในชีวิต กำลังหาคู่ชีวิต คนดีที่รู้ใจ คนที่เปิดใจกว้าง
เพื่อนเล่าว่า หาคนดีอยากมากๆ หามาหลายปีแล้ว ยังหาไม่เจอ หาคนที่รู้ใจอยากที่สุด อยู่คนเดียวมานาน ความเหงาเป็นเพื่อนใกล้ตัว ถึงจุดที่่ต้องเปลี่ยนชีวิต

เปลี่ยนชีวิต เพื่อให้ชีวิตเปลี่ยน หากขุดให้ลึก เข้าใจให้มากขึ้น ขบวนการเปลี่ยนแปลงชีวิต เกิดขึ้นได้ทุกนาที
เกิดขึ้นได้เมื่อมีความระลึก ตั้งมั่น มีสติอยู่กับเหตุการณ์ในปัจจุบันขณะอย่างจริงใจ
ความแน่วแน่ของใจที่ตั้งมั่น พาไปสู่ปัญญา ปัญญาเสริมความตั้งมั่น ให้ใจจดจ่อกับวินาที

ฟังเรื่องของเพื่อนด้วยความเข้าใจ เราชื่นชมขบวนการเปลี่ยนแปลง เพราะเป็นประสบการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ทุกวัน
ไม่ว่าจะเป็นความเปลี่ยนแปลงที่ตั้งใจให้เกิดขึ้น เปลี่ยนเพราะหมดใจกับสิ่งเดิมๆ หรือเปลี่ยนเพราะเป็นขบวนการธรรมชาติ

เปลี่ยนก็คือเปลี่ยน ปรับนำไปสู่การเรียนรู้สิ่งใหม่ เห็นปัญญาสดๆ

ไปเปลี่ยนชีวิตกันเถอะ

Saturday, December 27, 2008

สังเกต


สังเกตภาพความเีงียบ สังเกตได้ถนัด ถ้วนถี่ ตอนที่คาเฟอีนไหลลงท้อง เร่งหัวใจให้เต้นแรงขึ้น

ความเงียบไม่มีหน้าตา ไม่มีคู่แฝด แต่มีลักษณะเฉพาะตัว เดินมาหาเมื่อไหร่ ทุกอย่างรอบกาย เปี่ยมพลัง เปี่ยมปิติ
ความเีงียบกุมความคิดที่มักเดินแตกแถว ออกไปหลายๆทิศทาง ให้กลับมา ให้เข้าที่เข้าทาง
เงียบ มี สมาธิ มีความจดจ่อ มีความอ่อนน้อมของความจริงเป็นผู้ตะล่อมผู้แตกแถวให้กลับเข้าที่

บางคนกลัวความเงียบ มีเหตุผลว่า ความเงียบคือความไม่รู้ ไม่ดี ไม่งาม
บางคนต้องอยู่ในที่ๆมีเสียง มีความสับสน ปนวุ่นวาย กลัวความเงียบ เราคิดตรงข้าม

ชอบความเงียบ ยิ่งชอบมากๆคือ ภาพและพลังของความเงียบ

ถ้าใครไม่เคยเห็น ต้องหัดสังเกต ความเงียบมีหน้าตาแปลกๆ สวยพิเศษ

ยิ่งเงียบ ยิ่งเห็นชัด

Friday, December 26, 2008

สงัด


สงัดเงียบ ยามใกล้เที่ยงคืน
ไหล นิ่ง ความคิดนวล ยามสงบ
ความเงียบเปรียบเป็นทรัพย์ ใจจดจ่อ ความคลุมเครือกระจ่าง
แจ้ง กลางค่ำคืน คือ ความคิด
ยามสงัด ความสงบเริ่มลึก ความชัดเจน เดินมาหา
สงัดเงียบ ดังลึก กึกก้องในใจ คือ ความคิด

Thursday, December 25, 2008

ระวัง



เมื่อเก้าเดือนก่อน ได้โคมไฟตั้งโตีะ ทรงสูง ร่างสวย เหมือนของเก่ามีค่ามาจากแดนไกล
สวยจนหลอกตา ต้องใจ รีบซื้อไว้ เพราะราคาไม่แพง ได้มาจากร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าราคาถูก
โคมไฟอันนี้พิเศษ เพราะเราให้คุณค่า สร้างความผูกพัน รวมเรื่องราวเข้าไว้ด้วยกัน
ติดใจโคมไฟเพราะให้มากกว่าความสว่าง ให้แรงบันดาลใจ
เวลานั่งใกล้โคมไฟดวงนี้ อ่านได้ เขียนดี ไม่มีหยุด

วัันนี้ได้โคมไฟอันใหม่เป็นของขวัญวันคริสต์มาสจากญาติของสามี

กลับมาบ้านรีบ ปรับมุม หาบ้านใหม่ให้โคมไฟใหม่ ย้ายโคมไฟอันเก่าอันโปรด
หมุนไป ย้ายมา หาบ้านใหม่ให้โคมไฟทั้งสอง
เอี้ยวตัวกลับ โคมไฟอันเก่าตัวโปรด หล่นปุ๊บบนพื้นไม้ มือไม่ไว ใจไม่ทัน
โพล้ง เพร้ง โครงไม้ที่เป็นร่างของโคมไฟ แตกออกเป็นส่วน ส่วน

ระวัง แค่ไหนก็ไม่ทัน ระวังมากจนสิ่งที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้น

เป็นบทเรียน เป็นบทให้ระวังในชีวิต

กลัวนั่น กลัวนี่ กลัวความไม่ดี กลัวสามีทำโคมไฟแตก

ในที่สุด กลับกลายเป็นตัวเอง ผู้ซึ่งเฝ้าระวัง ระแวง ทำของแตกเอง

ไม่ต้องโทษใคร เสียงโคมไฟอันงาม หล่นลงพื้น แตกเป็นเสี่ยงๆ

เป็นเสียงเตือนตัวเอง ระวังมากเกินไป ความระวังแว้งมากัดใจตัวเอง

ระวังได้ ระวังดี ตอนนี้มีสกอ็ตเทปติดรอบโคมไฟดวงโปรด เป็นสัญลักษณ์บอกว่า

ทุกอย่างแตกได้ แม้กระทั่ง ความระวัง

Tuesday, December 23, 2008

ของขวัญ



ของขวัญวันปีใหม่ คิดไว้ในใจนานแล้ว ไม่ใช่รองเท้าคู่ใหม่ ไม่ใช่อะไรๆที่หาซื้อได้ตามร้าน
ที่คิดไว้ในใจคือ การปล่อยวางอย่างตั้งใจ

ราคาไม่ลด มูลค่านับไม่ถ้วน หาได้ที่ใจ ใจเดียว เด็ดเดี่ยว

ยิ่งตั้งใจปล่อย ยิ่งวางพันธนาการลง โน้มน้าวความคาดหวัง ดึงลงให้ติดดิน
ปลดปลายความกังวล ทิ้งความสับสน ปล่อยซะ ปล่อยไป
ไม่ต้องตีตั๋วกลับ ทำใจให้สุภาพ รับความเปลี่ยนแปลง

พรุ้งนี้จะตื่นมาให้ของขวัญชิ้นพิเศษ กับ ตัวเอง

Monday, December 22, 2008

สวยคืออารมณ์


สวย เศร้า เหงา คืออารมณ์
ลมพัด ผ่านมาลึกๆ ใจคือตัวกำหนด
บาง บ้าง ทางร้างแรก ใจกำหนดทางได้ กายกำหนดใจ

เศร้า เพราะหนาวมา ตรึง แข็ง เข้ม ดื้อ คือกายา
หนาวมามาก ใจ กาย ห่างร้าง จางกัน หมดสัมพันธ์ ขาดสัญจร

เหงาบ้าง เศร้าบางครั้ง คือความเคลื่อนไหวของอารมณ์
สวยมั้ย ใช่ เหงาปนเศร้าคือความสวย

อารมณ์มีหลายลักษณ์ เหงา เศร้า สวย

ขรุขระ


ขรุขระ ไม่ได้เขียนคำนี้มานาน นานพอๆกับคราบความขรุขระที่ผ่านมาในการเดินทาง

เมื่อวันก่อนยังสนุก สงบ สบายใจ มาวันนี้ ขรุขระอีกแล้ว เดินไปย่ำมา ขุๆขระๆ ก่อตัวเป็นระยะ

จนต้องหยุดมอง

มองทางเดินที่ผ่านมา เอ้า คิดว่าดีแล้ว เหลียวหันมาอีกที มีเรื่องให้ขบคิด แล้วแปดพันเก้า

งานการ ยิ่งสูง ยิ่งหนาว ภาระรับผิด รับชอบ งอกเป็นเงา ทำเยอะ ผิดเยอะ เรียนรู้เป็นกระบุง

ไม่รู้ ต้องสู้ ไม่ถอย ผิดนี้เป็นครู จะได้รู้ จะได้ดี

ชีวิตต่างแดน มีความขรุขระ โรยไว้ระหว่างทาง เพื่อกันหลง กันพลาด กันลืม (ตัว)

ผ่านเส้นทางตะปุ่ม ตะป่ำ ไปแล้ว จะได้วิ่งลงเขาอีกครั้ง

โอ้หละหนอ ชีวิต

Sunday, December 21, 2008

ไปบ้านป่า



ตอนบ่าย ขับรถไปบ้านป่า ไปคุยเรื่องชีวิตที่ผ่านมากับคนใกล้ใจ

เดินไปตามคลอง ดูสายน้ำ เดินไปอย่างสงบ ชอบชีวิตสงบๆ

ป่าตอนบ่ายในฤดูหนาวให้ความอบอุ่น ให้กำลังใจ เปรียบได้กับบ้าน

บ้านที่ว่า คือบ้านป่า

ความผูกพันกับธรรมชาติก่อตัวขึ้นในใจ ราบรื่น เรี่อยๆ เรียบ มีความเงียบเป็นคำเชิญให้เข้าบ้าน
ผลักกิ่งไม้ เปิดบานหัวใจออกไปสนทนากับเปลือกไม้ มอง ผ่าน เห็น เช่นเป็นไป เห็นใจ ลึกชัดถนัดขึ้น เห็นบ้านหลังใหม่

ชอบไปบ้านป่า ไปเติมความหวัง ไปขอบคุณความสัมพันธ์ของมนุษย์กับธรรมชาติ
ถ้าขาดบ้านป่า ใจอาจราวร้าน เหมือนขาดอู่้ำน้ำ อู่ข้าว เหมือนขาดอากาศ

เดินเหนื่อย พักนั่งบนขอนไม้ผุ เห็นสายน้ำ ยาว กว้าง ไกล ใหญ่ ลึก

ความสงบมีพลัง ความเงียบคืออำนาจ ความงามอยู่ที่หัวใจของคนมอง

ความสุขอยู่ที่ปลายเท้าในบ้านป่า

Wednesday, December 17, 2008

เดือนธันวา




เดือนธันวา มีวันหยุดหลายวัน เพราะเข้าหน้าเทศกาล เตรียมเปลี่ยนปฎิทินรับปีใหม่ ปีเก่าลาไป เดือนใหม่หมุนมา
เหมือนมีเพื่อนเตือนบอกว่า การเดินทางมุ่งหน้าไปสู่จุดหมายต่อไปกำลังจะเริ่มขึ้น เดินแวะผ่านชีวิตในปีนี้
เวลานำเหตุการณ์มาให้ชีวิต เดือนหน้าจะเริ่มเดิินทางต่อ หยุดบ้าง ค้างแรมก็ดี เพราะชีวิตมักเป็นเช่นนี้
หมุนมากๆ จะเวียนหัว เวียนใจ จอดป้ายข้างทาง ชม ดม ดูชีวิต ความสุขใจใกล้แค่เอื้อม

เดือนธันวาต้องบอกลาปีเก่า นั่งคิดถึงชีวิตในรอบเกือบสิบสองเดือนที่ผ่านมา
มีหลายเรื่องดีๆให้คิด ให้ยิ้ม ให้ขอบคุณ มีหลายโอกาสให้ทบทวน ดูใหม่ ทำใหม่

เดือนหน้าช่วยบอกจังหวะ จับชีพจรชีวิตใหม่

แต่ก่อนจบเดือนนี้ มีงานค้างคาต้องสะสางเต็มโต๊ะ ต้องทำให้เสร็จก่อนเริ่มเดือนหน้า

ชีวิตน่าสนใจเพราะช่วงเปลี่ยนของเดือน คือ สัญลักษณ์ของการเปลี่ยนผ่าน เดือนธันวา สู่ เดือนมกรา

ปีนี้ หรือ ปีหน้า อีกสามร้อยหกสิบห้าวัน ขบวนการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ซ้ำแล้ว ซ้ำอีก

Tuesday, December 16, 2008

ดวงใจในชะตา



ดวงใจในชะตา ชีวิตบอกว่า ไม่มีใครกำหนดเหตุการณ์ใดๆได้
ขอเพียงเฝ้าสังเกต เฝ้ามองความเคลื่อไหว ที่ไปตามดวงใจในชะตา

ในชีวิต

ลมหมุนมาพาหัวใจไปหลายทิศ พาความคิดไปหลายทาง
ทุกวัน เมื่อลมหายใจใหม่ออกมาแตะอากาศ เราถามว่า ใครกำหนดชะตาชีวิต
ทำไมเป็นอย่างนี้ ทำไมเป็นเช่นนั้น
อากาศในโอกาส เริ่มสนทนา เริ่มกระตุ้นพร้อมให้คำตอบเบาๆว่า
ชะตาอยู่ไหน อย่างไร ไม่รู้ใครกำหนด ไม่มีใครตั้งเกณฑ์
ขอให้ดวงใจแน่วแน่ ขอให้ดวงใจตั้งมั่น
ชะตา ฟ้า โอกาส จะเป็นเช่นไร

ดวงใจในชะตาจะยืนนิ่ง สงบ สง่างาม ในชีวิตทุกชะตา

Sunday, December 14, 2008

ถามไถ่


มองภาพต้นไม้ที่ถ่ายไว้หลายปีก่อน

ต้นไม้ ถามไถ่เรื่องการเดินทาง ในชีวิต เราหยุดคิดถึงความหมัศจรรย์ของคำถามและความคิด
มองตาต้นไม้ ตอบกลับไป อย่างไม่ต้องคิด วันนี้ดีใจที่ไม่เจ็บไข้

สามวันก่อน ท้องไส้ปั่นป่วน ต้องให้หมอตรวจ กินอาหารไม่ดี ท้องไม่เดิน
ปวดท้อง ปวดหัว ต้องหยุดทำงาน กายเจ็บ ใจพัก ไม่สบาย ไม่สะดวก

หวนกลับมามองชีวิต ไม่ว่าคนรวย คนล้น คนจน คนดี มีบ้าง ขาดบ้าง
เจ็บไข้ได้ป่วย ช่วยให้ชีวิตหยุดชะงัก หยุดเคลื่อนไหว หยุดอารมณ์ขุ่นมัว
เจ็บกาย ได้ขอบคุณความแข็งแรง ขอบคุณพลานามัย

มองชีวิตในขณะปัจจุบัน ตามความเป็นจริง

Saturday, December 13, 2008

สายน้ำ


สายน้ำ ลำธาร เติบโต ตามทาง ไหลผ่าน ร้านร่อง ไม่ลืมเส้นทาง
ซอยซอก ร๋องเราะ เกาะแก่ง แรงรับ ผ่านไป ไม่ไหลกลับ ไม่ลืมเส้นทาง
น้ำไหล น้ำไป คล้ายๆชีวิต ติดเกาะ ติดแก่ง บ้างแห้ง บ้างล้น ไหลซอก ไหลวน ไม่ลืมเส้นทาง

ไม่ลืมเส้นทาง ผ่านสายน้ำ สายนี้

Monday, December 8, 2008

คลายปม


ปมมีไว้ให้ขยับ ขับ คลาย ยิ่งขมวด ยิ่งแน่น ปมหนา ปมหนัก
ต้องคลายปม

ปมเป็นปล่อง เป็นความเครียด เป็นความคิดที่ไม่ลงลอย
ต้องคลายปม

ปมเป็นปุ่ม เป็นก้อน เป็นคลื่นใต้น้ำ โผล่หน้ามาล่อความสงสัย เดินหายไป ไม่บอกไม่ลา
ต้องคลายปม

ปมเป็นความกระดาก เป็นความกระด้านของอารมณ์ อารมณ์ขุ่น ปมโป่ง
ต้องคลายปม

ปมมาให้คลาย จับให้ติดมือ ดึงให้หย่อน ผ่อนให้เบา

คลายให้ออก คลายปม

Sunday, December 7, 2008

Good Long Ride


วันก่อน เหลือบตา ดูปฏิทิน เห็นอักษรตัวกลมโต ไม่เต็มบรรทัด
ลายมือเหมือนฝรั่งหัดเขียนภาษาไทย ความพยายามเกินความภูมิใจ
มีข้อความสนุกๆว่า ครบรอบแต่งงานห้าปี

อะไรจะเร็วปานนี้ ห้าปีที่อยู่มาเป็นปีที่ห้าของความหรรษาในชีวิต
คิดดูเถอะ คนสองคน ต่างบ้าน ต่างจิต ต่างใจ โคจรมาพบกัน มาใช้ชีวิตร่วมกัน
เริ่มจากบทสนทนาสั้นๆ ง่าย ในร้านกาแฟ
หมุนหมาย กลายมาเป็น มหกรรม มหากาพย์ การเดินทางแห่งชีวิต
ระยะทางจากวันที่หนึ่ง ถึงปีที่ห้า และอีกหลายเวลาในอนาคต
ทั้งหมด ถือเป็น good long ride

ชีวิต ชีวิตคู่ อยู่ด้วยกัน ได้เห็นใจกัน ให้มือแตะมือ ให้ใจจับใจ ให้มั่น
พายุมา โถมกระหน่ำ ใจกับมือ อยู่คู่กัน ไม่หวั่น ไม่ถอย

กี่ปี กี่เดือน ชีวิตคู่ ต้องค้ำชูชีวิตเดี่ยว
คนสองคนคือชีวิตสองจังหวะ หัดผ่อนรับ สั้นยาว หัดหมุน หัดจัดใจ
บางเดือนเหมือนเพลงโศก บางเดือนปรีดาเกินหน้า
สองหัวใจกล่อมกันและกัน เพื่อให้เป็น good long ride

ด้วยใจ


วันนี้ เดินช้า เพราะ ป่าเปียก เปียกฝนปนหิมะหน้าหนาว เดินช้าๆ เดินด้วยใจ
ดินเหนียว ก้อนแข็ง เหี่ยวๆ จับตัวกลม ย่ำเท้าซ้าย ลงเท้าขวา บนดินเปียก เดินด้วยใจ

เดินช้า ค่อยๆคิด ความหนืดบนความเปียกของดิน ขับความคิดให้คมขึ้นอย่างไม่รู้ตัว เดินต่อไป เดินด้วยใจ
เดินไป คิดไป ช้าๆ ความคิดชัด เห็นใบไม้ทะลุถึงเส้นใย เห็นหัวใจไกลถึงความฝัน

ป่า เปลี่ยนแปลง แห้ง เปียก สลับสับกัน ตามฤดูกาล
เราเป็นเฉกเช่นป่า เปลี่ยนแปลงตามกาละ เติบโต ตายตามธรรมชาติ

Wednesday, December 3, 2008

แสงเต้นระบำ


แสงแดด ตอนสาย ในหน้าหนาว เต้นระบำ
หัวใจได้แสง ชีวิตมีความหวัง หน้าหนาว หน้าไหน ถ้ามีแสง ชีวิตจะสวย
แสงเต้นระบำ จังหวะรุมบ้า เร็วๆ ช้าๆ แสงแดดจับปลายนิ้วมือ ซึมสู่ซอกนิ้วเท้า
แสงแดดลุ้นให้เราออกไปเต้นระบำกับชิวิต ในวันหนาว
แดดอ่อน แดดจัดจ้า ขอให้เป็นแดดเถอะ
ไปได้ ไปดี ออกไปเต้นระบำในจัวหวะ ชีวิต

ไม่ลอดผ่านกาลเวลา



kindness คือ คุณค่า คือ ความงาม คือน้ำจากหัวใจ ไม่ลอดผ่านกาลเวลา
วันนี้ วันก่อน วันหน้า kindness คงทน ตรึงตรา
ไม่ลอดผ่านเวลา ไม่เสื่อม ไม่คลาย
kindness คนไหนมีมาก คนนั้นดีมาก
ได้ความสุขใจ เพราะมี kindness

คุณค่า ความงาม จากกลีบหัวใจ ไม่ลอดผ่านกาลเวลา

Tuesday, December 2, 2008

ลานชีวิต




ธรรมชาติกับชีวิต รูป เรื่อง ความคิด มีลมหายใจ

Monday, December 1, 2008

"Things I have learned in my life so far"



บทนี้ขอยืม ภาษาอังกฤษ มาเป็นตัวโปรย ดึงโซ่ ดึงตรวนลิขิต สังเกตชีวิต เห็นถูก ลองผิด ทุกชีวิต มีบทเรียน

อีกหกเดือนหน้า ใกล้เข้ามา อายุสามสิบเจ็ดคือวัยใหม่ แต่ เวลานี้ ถือโอกาสนั่งคิด นั่งถาม "เราได้เรียนรู้อะไรจากชีวิตบ้าง"

คำตอบไม่ตายตัว ถัวเฉลี่ยความคิด บทเรียนชีวิต มีหัวใจใสโปร่ง มีหลายบท ที่ได้เรียนรู้ ตามอักขระบรรยาย ข้างล่างนี้

--ทำฝันให้เป็นจริง เป็นจัง--ความฝัน เป็นแรงผลัก หนุน ดัน เป็นน้ำอุ่น ในวันหนาว เป็นน้ำเย็น ในวันร้อน ความฝัน สำคัญยิ่ง ทุกสิ่งเดินหน้าด้วยความปรารถนาดี เพราะมีความฝันเป็นจุดหมาย มีความฝันเป็นแผนที่นำทาง

--ยามทุกข์ ให้มุ่งเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ--หัดเรียน ให้รู้ มีครูชีวิตนำทาง ทุกข์หนา สาหัส ปัดเป่า ให้แผ่วเบา เพราะ เราไม่หยุดเรียน อยากเรียน เขียน อ่าน ภาษา สารพัน ให้รีบเรียน โยคะ กีฬา นานาชนิด ทำอาหาร ทำงานฝีมือ เรียนเถอะ เรียน ความทุกข์จะสลาย กลายเป็นความสุขใจ การจดจ่อ ฝึกทักษะ ใหม่ๆ ช่วยเค้นเอาความสามารถดีๆ ที่แอบหลบ แอบหลับ กลับให้ตื่น ออกมาเดินเล่นอีกครั้ง การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆช่วยให้ประสาทสัมผัสตื่นตัวปนตื่นเต้น

--ทำผิดให้ ขอโทษ ถ้าโกรธ ให้รีบลืม--คิดไป ไตร่ตรองมาแล้ว ไม่ต่ำกว่าสิบครั้ง ทุกคนทำผิดได้ ทุกคนขอโทษได้ ต้องรีบขอโทษ โกรธ ขึ้ง เคือง แค้น แสนนิสัย ไม่สนุก ไม่ดี ทิ้งไป ให้รีบทิ้งไป โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า ตามคำพระว่าไว้ ขอโทษทุกคนถ้าเราทำอะไรไม่ดีไว้

--หาเวลา นิ่ง เงียบ คิด เขียน--ความสมดุลของชีวิตอันรีบเร่ง หาได้ง่ายจากการนั่งในที่สงบ สักพัก เปิดกลีบใจ ฟังเสียงหัวใจสนทนา ฟังคำถามที่ชีวิตเฝ้าถาม เขียนหาคำตอบ สงบ นิ่งๆ ยิ้ม หาเวลาให้ได้

--แสวงหา สร้าง ฟัง บทสนทนา ดีๆ--สิ่งเหล่านี้ช่วยเพิ่มแรงบันดาลใจ เพิ่มเชื้อเพลิง บทสนทนาดีๆคือความซุกซนที่สะกิดหัวใจผู้ใหญ่ให้เริ่งร่า อีกครั้ง

--เคารพตัวเอง เคารพผู้คนรอบข้าง--เคารพ นบนอบ โต้ตอบด้วยความสุขุมถ้าจำเป็น เคารพธรรมชาติ ไม่บุกบั่น ไม่ทำลาย เคารพสิทธิ ช่วยสร้างความเสมอภาค ขจัดความลำบาก เคารพซึ่งกัน และ กัน

--เดินทาง--การเดินทางไม่จำเป็นต้องมีวีซ่า ไม่ต้องมีเงินตรามหาศาลเสมอไป เดินทางไปทบทวนความตะขิดตะขวงใจของตน มุ่งหน้า แก้ไข เดินทางใหม่ เดินทางไปหาความฝัน ความหวัง ไม่ต้องไปที่ที่แพง แต่ไปที่ๆ ความสนใจเป็นตัวนำ ถือกล้อง บันทึกภาพ บันทึกใจในสมุด ในชิวิต เดินทางกลับบ้าน เดินทางไปทำงาน เดินทางไปตลาด เดินไปในที่ที่มีทาง และ เดินไปในที่ที่ไม่มีทาง
ทำหน้าที่เป็นผู้ถางทาง เป็นผู้นำ เป็นผู้เดินทาง

--ถามด้วยความสนใจ--อยากรู้ต้องถาม ด้วยความสนใจ ได้ถาม ได้คำตอบ ได้ทางเลือก ได้คิด ได้เล่นกับชีวิต มีคำถาม มีความสนใจ มีเพื่อนใหม่ มีความสนใจใหม่

ยังไม่หมด ยังไม่จบ สำหรับบทเรียนที่ได้เรียนรู้จากชีวิต ยังมีความเกี่ยวโยง ความอยากรู้ อยากสู้อีกเยอะ
อีกหกเดือน จะขยายบทเรียนที่ได้เรียนรู้จากชีวิต อีกครั้ง

Things I have learned in my life so far--คือความสัมพันธ์ที่ตนเองให้คุณค่ากับชีวิต คุณค่าเหมือนต้นไม้ แตกก้าน กิ่งใบ สมบูรณ์ หรือเหี่ยวเฉา ขึ้นอยู่กับเรา ว่าปลูกต้นไม้ที่ใด

ร่ายรำ


ร่ายรำ ตามลม ชื่นชมชีวิต
หมุนเฟือง เนืองนิจ ชีวิตมีหลายทิศ บ้างทวนนาวา บ้างตามตำรา น่าคิด
มากหน้า ล้านตา มีโชค ปนโศก ทุกวัน มีสัจธรรม

วันนี้ มีข่าวดี หัวหน้าชื่นชม การงาน เพิ่มเงินเดือนให้ มีใช้ พอเก็บ
เศรษฐกิจ ย่ำแย่ แต่เรายังไม่ ยวบ
ตำราชีวิต เขียนไว้ไม่ผิด มีโชค ปนโศก

ใจพอง ได้หน่อย กลับค่อยๆ ยุบลงอีก
เสียงโทรศัพท์ ส่งข่าว จากคนข้างใจ รถเสีย ต้องเข้าอู่กระทันหัน

อะไรจะเหมาะเท่า ข่าวดีที่ว่า เงินเดือนขึ้น พอจ่ายค่าซ่อมรถ

ร่ายรำไปตามจังหวะชีวิต ไม่ยึดติด ไม่ว่ากัน

Tuesday, November 25, 2008

ขอบคุณ


ขอบคุณ พ่อ แม่ ผู้ให้ชีวิตที่ดี ให้ลมหายใจ สะอาด โปร่ง ให้การศึกษา ให้ข้าว ให้ปลา ให้ชีวิต คิด เขียน ทำดี
ขอบคุณครอบครัว พี่ๆ น้องๆ หลานๆ คนรอบข้าง ที่เป็นกำลังใจให้
ขอบคุณเพื่อนๆ ไม่ว่าชาติไหน เพื่อนจะอยู่ที่ใด เพื่อนใหม่ เพื่อนเก่า เพื่อนก็คือเพื่อน ให้น้ำใจเป็นของที่ระลึก ให้มิตรภาพเป็นแรงบันดาลใจ
ขอบคุณธรรมชาติ ครูผู้ยิ่งใหญ่ สอนบทเรียนชีวิต ให้คิด ให้ถาม อยู่ใกล้ธรรมชาติ รู้สึกขอบคุณชีวิต
ขอบคุณความทุกข์ ไม่มีทุกข์ ไม่เห็นความสุขที่แท้
ขอบคุณร่างกาย ให้อยู๋อาศัยชั่วคราว ยุบหนอ พองหน่อย ค่อยๆ ขอบคุณ
ขอบคุณความดีงาม ความหวัง ความฝัน และ การต่อสู้

ชีวิตวันนี้ มีโอกาสดีๆ เพราะ ได้ขอบคุณ

Monday, November 24, 2008

เปลือกความสุข



เห็นภาพ เปลือกของความสุข
เห็นทุกข์ เห็นหรรษา เห็นภาพเต็มตา เห็นใจ เห็นเปลือกความสุข

Sunday, November 23, 2008

เล่นกับผ้า


วันอาทิตย์ วันสงบของใครหลายคน แต่ของเราเป็นวันทำงาน เลือกเอง
จับราวเสื้อ มองดูผ้า ตัวเก่า ตัวเก่ง ทุกตัวเป็นผ้าฝ้ายธรรมชาติ สีตรงใจ สีสะดุดตา
สวมใส่สบาย คล่องตัวเหลือหลาย อากาศแห้ง อากาศเย็น ผ้าตัวเก่งปกคลุมกาย ให้อบอุ่น
จับเสื้อฝ้ายตัวโคร่งสีชมพูอ่อน เป็นตัวแรก ตามด้วยเสือ้คลุมสีน้ำตาลแก่ สวมทับ
แน่ใจว่าปกปิดพุง และ ส่วนอื่นๆของร่างกายอย่างมิดชิด
สุดท้ายพันรอบคอด้วยผ้าพันคอสีฟ้าอ่อนจากเนปาล

ผ้าฝ้ายให้ ความสบาย ความสงบ
วันอาทิตย์ มีเรื่องราวดีๆเกิดขึ้น ตั้งแต่เริ่มจับผ้าฝ้าย นุ่ม สงบ เย็น เป็นความรู้สึกที่ลืมไม่ลง

Thursday, November 20, 2008

ใบไม้

ใบไม้ กลายร่าง กลายใจ ไม่ทำงาน
ใบสวย ใบสาว หายไปจากราวไม้ ร่วงลงดิน
จากเขียว สดใส หายไป เหลือเพียงเงาจางๆ เห็นแค่เหลือบเขียว
สีสดกลบตัว ม้วนหน้าน้ำตาล แก่ ขุ่น มาให้ยล
สีสรรเปลี่ยน ความใสสดจาง ห่าง
เฉกเช่น ชีวิต วันหนึ่งจากความสดใส เดินทางไปสู่ความเหงา เงียบ ชรา
ไม่ว่าสีไหน ใบไม้อยากเป็นใบไม้ สวย นิ่ง บาง
ชีวิตอยากเป็นชีวิต กลับกลายหลายหน้า เปลี่ยนฤดูกาล
ใบไม้เปลี่ยนสี ชีวิตเปลี่ยนไปตามฤดู คู่กาลเวลา

เวลา

ยื่นเวลา หมุนมา พาไป
ความหมาย หลายตอน ในชีวิต ผูกติดกับเวลา
ผ่านมา คือ เวลา กำหนด ข้างหน้า ไม่รู้ชะตา เวลา ย่างมา ย้ายไป
วันนี้ เวลานี้ ควรทำดี ดีที่ได้ทำ
เล่นกับเวลาเหมือนเล่นกับโชคชะตา
เป็น อยู่ ไป มา
ให้เวลาวันนี้ ผ่องแผ้ว เบิกบาน









Tuesday, November 18, 2008

ปล่อยพะวง

ปล่อยพะวง ปล่อยลงตรงธุลี
ปล่อยผ่าน ร่องน้ำ ลำธาร เปลี่ยนวัน เปลี่ยนผ่านปล่อยวาง
ทิ้งพะวง ทิ้งทุกข์ รับคืน ชื่นสุข กลายกล้ำ
วันหมุน เดือนเคลื่อน รางเรือนชีวิตร่องลอย
รู้เช่น เห็นไป ปล่อยไว้ ปล่อยพะวง









Monday, November 17, 2008

ฟัง รายละเอียด

ฟัง รายละเอียดของชีวิต จากการนั่งคิด นั่งฟังความเงีบย รายละเอียดของชีวิตมีลวดลายอันน่าพิศวง แผนการณ์ล้านแปดที่วางไว้ ไม่อาจได้ดังใจเสมอไป เขยิบเข้าใกล้รายละเอียดในชีวิตอีกนิด หลายครั้งชีวิตหมุนไป ไม่ตามแผน พิศวง สงสัยมาก ต้องหัดฟังรายละเอียด ตั้งหน้า มองฟ้า นึกถึงความผกผันอันพิศวงของชีวิต มีความตื่นเต้นตามมาติดๆ เพราะไม่รู้ว่า พรุ่งนี้รายละเอียดของชีวิตจะเป็นลายใด

ที่น่าสนใจคือ ชีวิตมีราย มีความละเอียด มีความมหัศจรรย์เกิดขึ้นจากการฟัง

เบิกบาน

เบิกบาน พระอาทิตย์มาแตะหน้า ส่องแสง อวดความสดใส ช่วยให้ใจเบิกกาน การงานอันหนักหน่วง ภาระที่หามที่แบกไว้บนบ่า เป็นเพียงภาระชั่วคราว หนักมาวันนี้ เดี๋ยวดีขึ้นวันพรุ่ง ร่างกายเหนื่อยล้า ได้พัก ได้นอนเต็มอิ่ม ได้แสงอาทิตย์มาเคลือบหน้าอีกวันหนึ่ง หัวใจเล่นได้ เบิกบานได้อีกครั้ง



Saturday, November 15, 2008

สะบัด

เช้านี้ ต้องรวบรวมกำลังภายใน คล้ายๆที่เห็นในหนังจีน กำลังกาย ให้พร้อมไปทำงาน ไปดูโลกอีกครั้ง

ต้องสะบัดความหนืด ความล้า สะบัดออกไป ล้างหน้า แต่งตัว แต่งใจให้พร้อมรับความธรรมดาอีกวันของชีวิต ต้องสะบัด ความล้าจากการงาน มองกลับมาที่ความพอดี

สะบัดความล้า ดึงความพอดีกลับมา ยังดีที่มีงานทำ ในขณะที่กลุ่มคนจำนวนหนึ่งในประเทศนี้ต้องถูกให้ออกจากงาน เพราะภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่

สะบัด ปัดความล้าออกไป ออกไปทำงานอีกครั้ง สนุกจัง

Thursday, November 13, 2008

จดหมายจากเพื่อนเก่า

It's a good life. Period.

ประโยคข้างบน คือ ย่อหน้าสุดท้ายในจดหมายที่เพื่อนส่งมาให้เมื่อสองปีก่อน ขณะนี้ เพื่อนคนนี้ก็ยังคงมีความสุขกับชีวิตดี เหมือนที่ยืนยันไว้ในประโยคนั้น น่าชื่นชม น่าติดตาม

ความจริงของชีวิตคือ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ทุกข์ สุข ผ่านไปตามสายธาร เราผู้เฝ้ามองความเปลี่ยนแปลงของชีวิต ควรมองให้ถึงแก่น ให้รับรู้ความเป็นไปอย่างตั้งใจ เมื่อความฝันเติมเต็ม ให้เปิดรับค้วยความถ่อมใจ ถ้าคราใดไม่สมหวังต้อง มองตามลมหายใจด้วยความเข้าใจ อย่างตั้งใจ ต่อไป

ประโยคข้างบนที่เพื่อนเขียนไว้ คล้ายสัญลักษณ์บอกว่า เส้นทางที่เลือกเดิน แน่นอนมีหลายความเปลี่ยนแปลง มีภาวะแห่งความร้อนรน ปน ลิงโลด แต่ที่สุดแล้ว มันก็คือ ชีวิตที่ดี นี่เอง

It's a good life. Period.









Tuesday, November 11, 2008

ธรรมชาติพูดได้

แรงบันดาลใจที่ได้จากการเดินเงียบๆเข้าป่า ไปหาธรรมชาติลึกๆ สร้างความมหัศจรรย์ให้ชีวิตธรรมดามีความอ่อนโยนขึ้นมาก

รากไม้ กิ่งไม้แห้ง โน้มเข้าหาต้นไม้ใหญ่ ใบเล็ก ใบน้อย ชูตัวตน แผ่ขยายกลบดิน ทางเดินทั้งสองฝั่งมีก้อนหินนั่งนิ่งเป็นผู้ใหญ่ที่ต้นไม้ให้ความเคารพ เราหยุดนิ่งอยู่หน้าลำธาร ฟังเสียงน้ำไหล ขุดหัวใจตนเองให้ลึกขึ้น แอบยืนฟังเสียงธรรมชาติสนทนา ก่อนที่ความคิดใดๆจะก่อตัวขึ้นมา

ก่อนที่แรงบันดาลใจใหม่ๆจะเดินเข้ามาในชีวิตวันนี้ หรือวันหน้า เรารู้ว่าธรรมชาติคือสิ่งมหัศจรรย์ที่หาได้ในเมืองใหญ่ ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน ยืนอยู่บนแผ่นดินใดๆ ธรรมชาติให้แรงบันดาลใจได้เสมอ

เราหัดสื่อสารกับธรรมชาติผ่านการหยุดแวะทักทายต้นไม้ ใบไม้แห้ง เราเรียนรู้วิธีการเคารพธรรมชาติผ่านการเดินเงียบๆเข้าป่า แผ่นดินนี้มีธรรมชาติพูดได้ แผ่นดินนี้น่าอยู่ เพราะเรารู้วิธีการสื่อสารกับธรรมชาติ

Monday, November 10, 2008

จังหวะ กับ ระยะทาง

อากาศสกัดกลิ่นหอมอ่อน ของพื้นดิน กลิ่นต้นไม้ ดอกไม้หอมเย็นๆ มาแตะจมูก สองวันก่อนรีบตื่นเช้าเพื่อไปเดินออกกำลังกายยืดเส้น ยืดแขน ขา ขยายกล้ามเนื้อในวันที่อุณหภูมิกำลังดี ไม่หนาวไม่ร้อนจนเกินไป เดินเล่น ความคิดวิ่งแล่น เร็วกว่านักวิ่งโอลิมปิคร้อยเมตร สองท้าว ก้าว สลับ ซ้าย ขวา เป็นจังหวะ สองตาดูโลกข้างทางอย่างฉงนสงสัย ความคิดค่อยๆกระจ่างขึ้น คำนึงถึง ระยะทาง กับ จังหวะ ในช่วงชีวิตที่ทำงานสัมพันธ์กันบ้าง ไม่ สัมพันธ์กันบ้าง ขึ้นกับว่า ระยะทาง หรือ จังหวะ จะมีอิทธิพลมากกว่า หรือจับมือทำงานพร้อมกันอย่างแข็งขัน
จังหวะช่วยกำหนดและรักษาความเหมาะสมในชีวิต ระยะทางขับจังหวะให้ชัดขึ้น


นวดให้นวล

ไม่น่าเชื่อว่าขนมปังจะเป็นตัวเร่งผลึกความคิดในการใช้ชีวิตต่างแดน ให้เข้มข้น มีมิติที่แตกต่าง
ขณะที่ยืนนวดแป้งเพื่อทำขนมปัง อุ้งมือที่คลึง แผ่นแป้งช่วยเค้นมวลอากาศ ที่ไม่จำเป็นออกไป

คุณปริสนา บุญสินสุข ผู้ซึ่งเราแอบชื่นชมอย่างออกนอกหน้า ในความสามารถในการทำอาหาร และ การเขียน ที่เปิดโรงเรียนทำอาหารฝรั่งคาวหวาน เขียนไว้ในบทความ เรื่องของขนมปัง ลงในนิตยสารอิมเมจ เมื่อสองสามปีก่อนว่า

“ การนวด เรียกได้ว่าเป็นหัวใจของการทำขนมปังทีเดียวแหละ เหตุผลแรกคือ เป็นการกระจายส่วนผสมทั้งหมดที่ใส่เข้าไป โดยเฉพาะยีสต์ให้ไปสู่ทุกส่วนของแป้งขนมปัง อีกเหตุผลหนึ่งคือการนวดทำให้โปรตีนในแป้งแปรรูปเป็นกลูเท็นหรือหมี่เหนียว ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่ทำให้แป้งขนมปังมีความยืดหยุ่นและพองตัว การนวดทำให้แป้งตะกอน หรือ starch สลายตัวให้ยีสต์ใช้เป็นอาหารได้ จึงก่อเกิดเป็นฟองอากาศที่อัดแน่นไปด้วยกาซคาร์บอนไดออกไซด์ และฟองอากาศนี่และที่ทำให้แป้งขนมปังพองตัวขึ้น”

เมื่ออ่านบทความนี้จบก็พอจะเข้าใจขบวนการนวดขนมปัง และผลที่เกิดขึ้น คุณปริสนาได้บรรยายไว้อย่างชัดเจน แต่ ยิ่งตระหนักและตรัสรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับการนวดขนมปังก็ตอนที่สองมือคลึง เคล้าแผ่นแป้ง ตอนที่ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรง และนำความรู้ที่ได้อ่าน มาเพิ่มความเข้าใจให้กับตัวเอง ขณะที่กำลังยืนนวดขนมปังอย่างน้อยวันละ สี่ชั่วโมง ทำขนมปังประมาณ สิบชนิด ทุกวันจันทร์ถึงเสาร์ ต้องทำอย่างรวดเร็วแข่งกับเวลาที่เดินหน้าไปอย่างมั่นคง

ประสบการณ์เข้มข้นยิ่งขึ้น เมื่อได้มานวดขนมปังที่อเมริกา การนวดขนมปัง สำหรับตัวเองยังมีความหมายถึงการพยายาม ไล่ความสับสน ไม่ลงรอย ให้เข้าที่เข้าทาง ช่วงของการนวดเค้นแป้ง ไม่น้อยกว่าห้าครั้งต่อหนึ่งก้อนขนมปัง เป็นช่วงเวลาแห่งการเตือนสติให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวอีกครั้ง นวด นวด เค้น เพื่อให้เนื้อแป้งรวมตัวกันอย่างสมดุล ให้ความคิดมีทิศทางที่เหมาะ ให้โอกาส ยีสต์ เกลือ นำตาล และไข่ไก่เปลือกสีขาว ทำงานร่วมกันเป็นทีมอย่างดี แบ่งหน้าที่อย่างชัดเจนเพื่อ เบนเข็มไปสู่จุดหมายเดียวกันคือ แป้งขนมปัง ที่พร้อมจะเข้าเตาอบ อุณหภูมิสามร้อยเจ็ดสิบห้าองศา เป็นเวลาประมาณอย่างน้อยสี่สิบห้านาที ความร้อน เหมือนความไม่พอใจต่อความไม่คุ้นเคย ช่วยแปรรูปความดิบห่ามให้หอมเนียนในที่สุด

ด้านกลับของความคิด ทำงานได้อย่างละเอียดอ่อน เพียงพลิกมุมคิด ภาวะความเติบโตทางอารมณ์กลับเปลี่ยนปรับ จับได้ อย่างไม่น่าเชื่อ สิ่งที่ท้าทายคือ ตัวเองไม่สามารถพลิกความคิดจากลบเป็นบวกได้ทุกครั้ง แปลกใจตัวเองเพราะสมัยที่อยู่เมืองไทย อยู่แผ่นดินถิ่นเกิด อะไรๆที่เป็นลบจับปรับให้เป็นบวกได้เสมอ อย่างง่ายดาย ไม่ต้องนวด

อยู่ที่นี่ อยากรักษาทักษะความชำนิชำนานที่เคยทำได้ที่เมืองไทย แต่พบว่าทักษะหลายๆอย่างกลบตัวเงียบไม่ออกมาทำงานอย่างคล่องแคล่วเหมือนเคย อเมริกาเปลี่ยนมุมคิด
เปลี่ยนชีวิต

อเมริกาให้โอกาสนวดชีวิตให้นวล

ของขวัญ

ความหวังคือของขวัญ

ไม่ว่าจะหนาวเหน็บ ร้อนรน หรือร้อนใจ จนแผ่นดินแตก เพียงใด เราก็พยายามเดินต่อไป

เดินไปพร้อมกับเสียงของความหวังที่แอบจับจังหวะได้ ทุ้มๆ ถี่ๆ ดังข้างในหัวใจ ยิ่งได้ยินเสียงของความหวังใกล้ใจมากเท่าไหร่ พลังพิเศษเข้ามาแตะใจ อย่างไม่ได้ตั้งตัว ไล่ความร้อนผ่อนเป็นเย็น และอบอุ่น เดิน เดิน เดิน เดินหน้าต่อไป จูงหัวใจไปด้วย แม้ว่ากายจะหนาวเหน็บ แต่พยายามพยุงใจให้มีความหวัง เสน่ห์ของเสียงแห่งความหวังดึงพลังศรัทธาที่ล่องลอยอยู่ในมวลอากาศให้รวมตัวกัน ผลักดันจังหวะการเดินให้หนักแน่นขึ้น ลึกขึ้น ขณะที่เท้าทั้งสองจุ่มลงไปในล่องความหนาของหิมะ

ชีวิตจะอยู่โดยปราศจากความหวัง และพลังศรัทธาไม่ได้ ถ้าอยู่ได้ ก็คล้ายเพียงร่างกายยืนแต่ไร้วิญญาณ หายใจได้แต่ขาดพลังและความต่อเนื่อง พูดได้แต่ไม่น่าฟัง คิดได้แต่ไร้คม ข่มใจได้แต่ไม่แนบเนียน ค่อนแคล่นเอนอ่อน

เสียงของความหวังมีพลังมากกว่าเสียงใดๆในโลกที่เคยมาแตะหู พายุเฮอริเคนพัดพาทุกสิ่งทุกอย่างไปจากมนุษย์ หมดสิ้น แต่พายุแห่งความหวังกลับดึงพลังที่แฝงเร้นอยู่ในตัวออกมาทำงานอีกครั้งอย่าง หนักแน่น “Hope is more powerful than Hurricane” เป็นคำปลุกปลอบจาก Red Cross สำหรับผู้คนที่หมดหวังให้มีกำลังอีกครั้งที่จะเดินหน้าต่อไป ในขณะที่พระพุทธเจ้าบอกว่า hope causes pain

เราเดินต่อไปอย่างตั้งใจ ด้วยแผนการอันแยบคาย ขอให้มีความหวังเถิด ความหวังจะนำกายและใจจากที่มืด ไปยังที่สว่าง จากแคบไปกว้าง จากตื้นไปลึก จากดำไปขาว จากความไม่เป็นไปสู่ความเป็น และปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่างในที่สุด

ประสาทสัมผัส ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ กังลังขยายขอบข่ายการทำงานออกไปอย่างไร้พรมแดน ยิ่งทุกคราที่มีสิ่งต่างๆมากระทบ กระทั่ง อย่างแรง ยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของประสาทสัมผัสให้ลึกและหนักแน่นขึ้น

ความหวัง เป็นของขวัญชิ้นพิเศษที่มอบให้กับตัวเอง

ใจหนาว

สงัด นิ่ง คือ ใจสงบ ขณะที่กาย เดินต้านลมที่พัดมาปะทะอย่างแรง

ไหว หวั่น

กระป๋องไดเอทโค้กสีแดงแถบขาว ปลิวว่อนขึ้นกลางอากาศ บุบเบี้ยวหล่นบนพื้น เดินซอยเท้าฉับๆ สิบนิ้วสวมใส่ในถุงมือ สอดเข้าในกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง

ภาวะความสงบสงัดพลันแปรเป็น ความสับสน งุนงง รวบรวมพลังใจได้ เดินต้านลมต่อไป ลมทำให้ล้ม แรงปลุกให้ลุก พลังของลมแรงส่งให้ใจและกายล้มลุกคลุกคลานสลับกันไปตามจังหวะชีวิต แต่ละก้าว แต่ละย่าง ช่างยากเย็นเหลือเข็น ลมแรงทำให้ใจสั่น ขาชา หน้านิ่ง ตัวปลิวไปตามแรงลม
ก่อนออกจากอพารเม้นท์ต้องแน่ใจว่ามี ผ้าพันคอปกป้องร่องคอจากไอเย็น สวมหมวกคลุมหน้าให้อบอุ่น ปิดหัว คลุมหู นิ้วทั้งห้าอันแข็งชาทาทาบใส่ในถุงมืออย่างหนา ถุงเท้าต้องเป็นแบบที่มีใยสังเคราะห์ผสมกับใยธรรมชาติ เพื่อกันลมไม่ให้แทรกซึมสู่ซอกนิ้ว กำแพงแห่งเส้นใยทั้งหมดต้องกันกายาให้หนานุ่ม ส่องกระจกอีกห้าครั้งก็ยังเห็นเอสกิโม คนเดิม ผมดำ สี่ตา ยืนหรา พุงยื่นอยู่หน้ากระจก เสื้อกันหนาว และเสื้อที่ใส่ข้างในทั้งหมดประมาณสี่ถึงห้าชั้น สวมทับซ้อนกัน

การใช้ชีวิตในดินแดนที่แตกต่างอย่างสุดโต่ง ระหว่างประเทศไทย กับ ประเทศอเมริกา
เหมือนการพยายามทรงตัว ไต่ไปบนเส้นลวด โอนซ้าย เอียงขวา จะล้มมิล้มแหล่ ลมแรงมาปะทะเมื่อใด ใจหล่นตุ๊บ แตะผิวดิน ถ้าเดินทรงตัวได้กลับกลายเป็นความภูมิใจ ลึกๆ

ประสบกาณ์ที่เกิดขึ้นช่วยนวดความคิดให้รวมตัวกันเป็นรูปร่างที่น่าสนใจ หรือน่าสะเทือนใจ ขึ้นอยู่กับการตีความ ว่าเป็นอย่างไร ประสบการณ์บ่มให้ใจตั้งมั่น ให้มีปัญญาพร้อมที่จะเปิดรับความแตกต่าง และความเปลี่ยนแปลง ด้วยกายที่สมบูรณ์ พร้อมที่จะเดินต้านลมแรง และหิมะอันหนาวเหน็บ จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อๆไป หนาวลึกแค่ไหนก็ต้อง อดทน
ชีวิตที่งอกเงย ต้องเผชิญกับพายุ ฝน ฟ้าคะนอง แถมหิมะอันหนาวเหน็บ เป็นระลอก ระลอก สติ ปัญญาจะแจ่มกล้า ตามแรงลมที่ฟันฝ่า กว่าจะพบทางลง ก็ต้องขึ้นให้ถึงยอดก่อน นี่คอคติที่นักปีนเขาหลายๆคน ตระหนักดี

สงัด นิ่ง สงบ หวั่น ไหว

วันหนาวคือวันแรกที่อเมริกาสอนให้รู้จักความจริงบางส่วนของชีวิต


Sunday, November 9, 2008

ต่างแดน


ประสบการณ์ การอยู่ต่างแดนช่วยขยับขยายความคิดให้แตกหน่อแตกใบ ทดสอบความอึด อัด ในดินแดนอันหนาวเหน็บ สอนให้ขอบคุณและชื่นชมความแตกต่างของผู้คน ความคิด การกระทำ สอนให้มองประสบการณ์จากย่อยไปใหญ่ จากตื้นสู่ลึก จากแคบไปสู่กว้าง จากความบางไปสู่ความหนา (ของรอบเอว) จากความเปลี่ยนแปลงหนึ่งไปสู่อีกความเปลี่ยนแปลงหนึ่ง และยังมีอีกนับล้านบทเรียนให้เรียนรู้จาก การใช้ชิวิตอยู่ต่างแดนในดินแดนที่ความแตกต่างทางวัฒนธรรมเป็นผงชูรสให้การเดินต้านลม มีรสชาดแปลกลิ้น รสชาดใหม่ๆบางรสชาดทำให้เราติดใจ แต่ขณะเดียวกันบางรสชาดกลับเล่นงานท้องไส้ให้ปั่นป่วน จนตั้งตัวแทบไม่ทัน แต่ก็ยังไม่เข็ด และทุกครั้งที่ได้ลิ้มรสชาดแบบนั้น ความอยากกลับบ้านทวีคูณเป็นสิบห้าเท่า สามีเข้าใจเป็นอย่างดี และพยายามบอกว่า อีกไม่นานเราก็จะได้กลับบ้าน (เบนรู้สึกว่าประเทศไทยคือบ้านอีกหลังหนึ่ง) กลับประเทศไทย ฟังแล้วน้ำกลั่นออกมาจากตา ล้นรื้นกระทบใจ

ต่างแดน คือสนามที่ผู้ใหญ่ อย่างเรา ใช้วิ่งเล่นในชีวิตจริง ไม่เหมือนบ้านเกิด แต่กลับเป็นบ้านที่จิตวิณญาณได้เติบโตอีกครั้ง ได้ตั้งรับความไม่คาดหวัง ได้ขอบคุณโอกาสดีๆ ที่ได้เจอผู้คนจากทุกมุมทั่วโลก

ได้เขียน ได้คิด ได้ทำผิด ได้เรียน ได้รู้ ได้สู้ ได้ความหวังใหม่ ทั้งหมดได้จากการอยู่ต่างแดน

ขอบคุณชีวิต


มาแต่ไกล ใกล้มาแล้ว

ความทุกข์แวะมาเยี่ยมเยียนเป็นระยะ ๆ มีจังหวะและทิศทางวกวน เลี้ยวเคี้ยวคดโค้งไม่น้อยไปกว่าจำนวนโค้งที่นับได้จากเชียงใหม่ไปถึงแม่ฮ่องสอน ความทุกข์มีหน้าตาหลายแบบ มีทั้งแบบที่เห็นได้ ชัด เช่น ความไม่มีเงินในกระเป๋าสตางค์ สมุดบัญชีธนาคารติดลบ ความเบื่ออาหารที่ไม่มีรสชาด ความอ้วน ความเหนื่อยสมองในการที่จะต้องพูดภาษาอังกฤษไม่น้อยกว่าวันละประมาณแปดชั่วโมง การ และ ความนานาประการ ที่จัดให้เป็น ความทุกข์ ทุกๆรูปแบบ

แบบที่มองไม่เห็นแต่ใจสัมผัสถึง เป็นความรู้สึกดิบๆกระเด้งมา สะท้อนกลับไปกลับมาที่ใจเ พราะต้องเผชิญหน้าความรู้สึกเหล่านี้อยู่เป็นเนืองนิจ เช่น ความรู้สึกไม่เท่าเทียมกันในสังคม การเหยียดสีผิวซึ่งนำไปสู่ความรู้สึกกดดันในที่ทำงาน การสร้างความสัมพันธ์กับผู้คนรอบข้าง ความเข้าใจผิดในการสื่อสาร การพยายามทำงานหนักเพื่อพิสูจน์ให้คนที่นี่เห็นว่า เราทำได้ ความอดทนกับการมีอคติของคนที่มองโลกไม่กว้างพอ การอยู่ในวงสนทนาที่ไม่ค่อยมีส่วนร่วม ความทุกข์ทุกๆรูปแบบบีบหัวใจ ทำให้รู้สึกอึดอัด รันทดจิต เบื่อกับสิ่งต่างๆรอบตัว ไม่ชอบความทุกข์

การพยายามมองหาประโยชน์ของความทุกข์เป็นเรื่องที่ท้าทายเราอย่างมาก เหมือนกับการทดลองทำอะไรบางอย่างที่ไม่รู้ว่า กำลังทำอะไร และทำไปเพื่ออะไร พยายามบอกตัวเองว่า ก็แค่ความทุกข์ เป็นสิ่งชั่วคราว ตอนที่มีความทุกข์มักจะคิดไม่ออกว่า เดี๋ยวมันก็ไป เดินมาทำให้เราซึมแล้วก็จากไป เราไม่เคยเชื้อเชิญเจ้าความทุกข์เหล่านั้นเลย กลับชอบมาเยี่ยมตอนที่ไม่ได้เชิญ กรุยกรายมาในวันที่ทุกอย่างดูสงบ เงียบ

บางครั้งทนไม่ไหวกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญท่านนี้ จึงบอกตัวเองดังๆว่า เอาหละ ถ้าเจ้าความทุกข์มาเยี่ยมอีกเมื่อไหร่ จะจับสติ ตั้งรับให้มั่น ให้สติเป็นประตูเลือก เค้น เฟ้นหาประโยชน์ของความทุกข์ เบื่อเหลือเกินที่จะต้องเป็นผู้ถูกกระทำตลอดเวลา ชีวิตที่อเมริกาเกือบสี่ปีมีสระพันความทุกข์ ความสุขก็มีไม่ใช่ย่อย
ที่เยี่ยมที่สุดคือ ได้เรียนรู้ หาประโยชน์จากความทุกข์ มากขึ้นอีกสิบเท่าตัว ดังนี้

หนึ่ง มนุษย์ไม่ควรหลง ยึดติดกับทั้งความสุขและความทุกข์ เมื่อมีสุขให้สุขพอดี ยามเผชิญทุกข์ให้อดทน ก้าวข้ามให้ได้

สอง ความทุกข์เดินขึ้นตาชั่งมาคานจังหวะชีวิตให้สมดุล จุดสมดุลในชีวิตมักจะเกิดขึ้นหลังจาก ความสุขกับความทุกข์สู้รบปรบมือกันเพื่อให้ตาชั่งในชีวิต มีน้ำหนักที่พอเหมาะ ถ้าอยากได้ความสมดุลต้องเตรียมใจให้พร้อมรับความผกผัน ความทุกข์และความสุขเดินตามกันมา ผลัดกันแซงหน้า ความสุขมา เรายิ้มร่า หัวใจพองโต อีกไม่เท่าไหร่ความสุขหายตัวไป ยังไม่ทันกอดไว้ให้มั่น เหลือเพียงเงา ความทุกข์เบียดมาบนพื้นที่อีกแล้ว ไม่รู้ใครอนุญาติให้มา รอยยิ้มเมื่อกี้รางเลือน สีหน้าแววตาเปลี่ยน หัวคิ้วขมวดชนกัน ลมหายใจถี่เร็ว ไม่เป็นจังหวะ ถามใจตัวเองว่าความสุขจะกลับมาอีกเมื่อไหร่ ความสุขคืออะไร

สาม ความทุกข์สอนให้ตระหนักถึงคุณค่าที่แท้จริงของความสุข ทุกคนใฝ่หาความสุขทั้งระยะสั้น และระยะยาว ใครสามารถถนอมรักษาความสุขให้อยู่นานได้ ความทุกข์ก็อาจจะมาเยี่ยมน้อยลง พูดง่ายๆแบบนี้แหละ แต่ก็ยังทำไม่ค่อยได้ ต้องฝึก ต้องฝึก ฝึกใจให้เดินไปตามทางที่ควรจะไป หลายครั้งเดินอ้อม หวังว่าจะพบความสุขเร็วและนานขึ้น กลับเจอสิ่งที่อยู่ตรงข้าม โอ้เจ้าประคุณ แต่ไม่เป็นไร ในที่สุดก็สามารถหาห้องหับให้ใจอยู่ในที่ที่เหมาะสม ในน้ำหนักที่ไม่มากเกินตัว ความสุขชั่งเป็นเพื่อนคู่แท้ของความทุกข์จริงๆ

สี่ ความทุกข์มาต้องรู้จักขอบคุณ ขอบคุณที่ให้โอกาสต่อรองกับอารมณ์ของตนเอง ฝึกทำแบบทดสอบชีวิตที่เราเป็นผู้ตรวจและให้คะแนน พยายามอย่าเข้าข้างตัวเองมากเกินไปจนขาดสมดุล ขอบคุณใจที่ทำงานหนักเพื่อให้กายทรงตัวได้ ขอบคุณใจที่รู้สักปลด ระ วาง ความล้นของอารมณ์ที่ขุ่นมัวเพื่อให้ชีวิตพร้อบรับความสุขอีกครั้ง

ห้า เขียนจบบทนี้ได้ ความทุกข์หายไปชั่วคราว มีความสุขตามที่อักขระพรรณนาไว้ ณ อารมณ์นี้

ห้าจุดหนึ่ง โอ้ อเมริกา ขอบคุณโอกาสที่ได้มาใช้ชีวิตที่นี่ โอกาสที่ทำให้ตัวเองตระหนักว่า ความสุขและความทุกข์เป็นเพียงมายา มาแล้วก็ไป

ความสุขใกล้เพียงปรายตามอง ไกลทุกข์ได้ถ้าใจปล่อยวาง

วันใหม่

วันใหม่ วันนี้ ใจปรีดี ปรีดากว่าวันก่อน วันใหม่ให้โอกาสเราเริ่มต้น อีกครั้ง วันใหม่คืออีกหนึ่งวันที่จะผ่านไป กลายหน้าเป็นวันเก่า กระนั้น เรายังชอบวันใหม่ มีโอกาสใหม่

คืนวาน ใจวุ่น ขุ่นเคือง คิดโทษว่า วันนี้เป็นวันไม่ดี คอยหาวันใหม่

เช้า เช้า อาทิตย์เดินทางมาเยี่ยมโลกอีกครั้ง เอาวันใหม่มาเป็นของขวัญ เราไม่โทษวันอีกต่อไป

มองลึกๆ ให้ปรุ ให้โปร่ง ทุกวัน มีสุข สนุก มีทุกข์ มีวันใหม่

Saturday, November 8, 2008

รองเท้าสองคู่


เรามีรองเท้าสองคู่ คู่โปรด


คู่หนึ่งสีส้มสด ใส่สุดสบาย เลือกใส่วันที่อารมณ์แจ่มใส รองเท้าพาเจ้าตัวเดินทางไป ทุกซอย ทุกมุม ที่ไหนอยากไป รองเท้ายิ้มรับว่าได้ทำงานหนัก เดินไป ขวาสลับซ้าย ซ้ายมาอีกที ไม่ทันรู้ตัว ต้องหยุดฉับพลัน เพราะ กลิ่นกาแฟมาแตะจมูก ตั้งรับไม่ทัน ได้แต่เดินหน้าเข้าหา คาเฟอีน สองแก้ว รองเท้ารีบบอกขอบคุณเพราะได้หยุดทำงานชั่วคราว


คู่ถัดมา สีเขียวตุ่นๆ ไม่แตะตาเท่าไหร่ แต่พอมาอยู่ตรงหน้าทีไร อดใจไม่ทัน รีบสวม วิ่งแจ้นออกจากบ้าน ใจสะกิด ตะหงิดๆ ว่า วันนี้ต้องทำขรึม เคร่ง ครัด กับวินัยส่วนตัว ต้องทำงาน ต้องเก็บหน้าที่ไว้ให้ถูกทาง เรื่องเล่นไว้ทีหลัง


ดีใจที่มีรองเท้าสองคู่สลับ ปรับ เปลี่ยน เหมือนอารมณ์ที่ต้องหัดพัก จับ วาง ให้ถูกใจ

คิดถึงบ้าน

คิดถึงบ้าน เป็นห่วงอารมณ์ที่บ้านเกิด ตัวตนเดินทางห่างไกล หัวใจร่ำไห้หาวัน ทวงหาคืน อ้นอบอุ่น กับแม่ และครอบครัว
คิดถึงบ้าน ยามนี้ ใจเดินทางไปทั่วหล้า แต่ กายาไม่เคลื่อนมาก

คิดถึงบ้าน ใครจะรู้บ้างว่า ชีวิตที่สมบูรณ์ และมีค่า คือชีวิตที่ลมหายใจ ความหวังเดินนำหน้า เพราะมีความหลังหนุนหลัง แน่น หนา หนัก ลึก

คิคถึงบ้าน เพราะบ้านต่อเติมพลัง ให้ได้ทุกขณะ บ้านหลังเล็ก หรือหลังโต ก็ไม่โก้เท่าบ้านที่เราคิดถึง
คิดถึงบ้าน ตอนโพล้เพล้ ยามดวงอาทิตย์แตะมือเปลี่ยนรับจันทร์ ใจของคนไกลบ้าน หวั่น แหว่ง ดวงจันทร์นำแสงสลัวมาให้ใจ

คิดถึงบ้าน พ่อ แม้จะไม่อยู่บนโลก แม่ ผู้หญิงที่เราเป็นห่วงเต็มประตู พี่ๆ น้อง และ หลานๆ ทุกคน คงไม่รู้ว่า ลูกคนที่อยู่ไกลบ้านที่สุด คือคนที่คิดถึงบ้าน ทุกลมหายใจ




About Me

My photo
almost reaching her 40 and she is very happy to be able to wake up everyday, learn and live a good life.