Saturday, January 31, 2009

ผนัง ผังใจ


ผนัง-ผังใจ พังให้ลง
พังกำแพงให้เป็นผง ลงธุลี--คลี่--คลายใจ
พังทลาย คลายกังวล จับหมุนด้านที่ด้าน หันให้ผ่าน ให้พัง
อย่าให้ผนังความต่างในภาษา วาจา ท่าทาง ต่างวิถีคิดนานา มาพรากความเข้าใจในชีวิต
แม้มาจากหลายที่ มีชีวี มีกำแพง แผงผนัง พัน-พรรณวัฒนธรรม กั้นความต่างให้ห่างกัน

เริ่มวาดผังใจให้ชัด ทลายผนัง พังกำแพงลง ทีละหย่อม ทีละหน่อย
ใจต้องลอด-ลอยผ่านความต่าง
มือหัด จับ วางแผงผังใจ ให้เป็นจังหวะ ให้เป็นสากล
ไม่มีภาษาแม่ ภาษาลูก ภาษาที่สอง สาม สี่ มากดขี่--อิสระ
เกลาใจให้นิ่ง แน่ว แน่ นวล นุ่ม ให้ห่างจากความขุ่นมัว
ให้ใจส่งความหมาย ความดี ความคิด ผ่านหน้าตา ทางท่า- กิริยา
แม้ภาษาจะไม่เหมือน แต่ สัมพันธ์สานได้ต่อ-พังผนังให้ลง

Friday, January 30, 2009

ยิ้มโอบชีวิต


เปิดมุมปากจากหัวใจ กอดชีวิตอันนิดน้อยด้วยรอยยิ้ม
ปัญหาหนัก พัก-ผ่อน-ให้เบาเพราะเรายิ้ม หยิมหยิมอมยิ้ม หยิบยิ้มเป็นพลัง
ปลูกรากฝังลึก ปลูกยิ้มให้ติดวิญญาณ ปลิดทิ้งห่วงกังวล ปัญหามาพายิ้มสู้
ไม่รู้ไม่หนีปัญหา แต่พายิ้มนำหน้าชีวิต ให้ความอุ่นอบ ละเอียดอ่อนของรอยยิ้มเป็นเกราะ
เป็นกำลังใจให้ปัญหา ให้ชีวิตมีความคิดงอกเงย สง่างาม
ให้หน้าเปื้อนยิ้ม ลำเลียงยิ้มส่งลงช้าๆ ไปยังหัวใจ ปอด ตับ ไต พุงไส้ ให้ยิ้มเคลือบท้อง ให้ใจอิ่มอุ่น

โอบชีวิตด้วยรอยยิ้ม

Thursday, January 29, 2009

มองใกล้-ได้ใจ


ไม่ต้องมองไกล ที่เขียนไว้ หมายถึง ชีวิต หมายถึงความวิเศษของการมีชิวิตอยู่
ไม่ต้องมองไกล มองใกล้ ได้ใจ ได้เห็นความสำคัญของชีวิต--มี--ชิวิต--อยู่--
อยู่ มีลมหายใจ มีชีวีชีวา ไม่ต้องแสวงหา สิ่งของล้ำค่า ปัญญาสูงเลิศ
การ-มีชีวิตอยู่คือของขวัญสุดประเสริฐ มีชีวิตห่อหัวใจ เดินติดดิน ออกไป ใช้ชีวิตให้งาม
มองใกล้ ได้ใจ ได้เห็นข้างใน นอนตื่น หลับใหล ชีวิตเรียบง่าย
ขอบคุณหัวใจ ขอบคุณลมหายใจ

ไม่ต้องมองไกล ให้ใจบอกว่า--การมีชิวิตอยู่คือของขวัญชิ้นพิเศษ
บางวันเหนื่อยล้า ถดถอย มีกังวล มีความเครียด จากการงาน
บางวันสูญเสียการทรงตัว หลากปัญหา สุมรุมเล้าชีวิต
ลืมคิดว่า--ที่สุดแล้ว --การมีชีวิตอยู่คือของขวัญ คือพลัง คือความดีในตัวเอง
มองใกล้ มองไกล ชีวิตตื่นนอนกลับไปหลับไหล อีกครา หมุนเวียน หมุนมา
ของขวัญอันสูงค่าคืิอชีวาที่เป็นอยู่

Wednesday, January 28, 2009

ความสุข


เปิดรับความสุขต้องเริ่มเปิดจุกหัวใจ
ความสุขมีสีหน้า ท่าทางอย่างไร ไม่แน่ใจ ไม่มีใครอธิบาย--ได้ชัด--ได้หมด

วันนี้เดินออกไปทำงานท่ามกลางฝนน้ำแข็ง
แอบมองลอดใต้สะพานเห็น สายน้ำ ยาว ลดเลี้ยว เคี้ยวคล้ายงูใหญ่ สวย ไสว ในธรรมชาติ แผ่ปีก ปล่อยลำตัวขนานไปคู่กับถนนสายหลัก ธรรมชาติดึงใจให้ตื่นเต้นกับคำถามง่ายๆในชีวิต ว่า

ถ้าหัดขอบคุณ และ ขอโทษด้วยความจริงใจ ให้คุณธรรมนำหน้าความผิด
ถ้าหัดอยู่กับตัวเอง ตีกรอบความสมดุล จัดรูปร่างความพอดีให้ชีวี
ถ้าหัดออกกำลังกายวันละหน่อย ให้กายยืนยืด ออกให้กว้าง ให้ห่างไกลไขมัน
ถ้าหัดสังเกตบ้านเมือง ที่อยู่ สิ่งรายล้อมรอบตัว ให้เห็นความแตกต่างของชีวิต
ถ้าหัดมองโลกในตัว และ ข้างนอก ข้างบน ข้างล่าง ทั้งสองข้าง ซ้าย และ ขวา ให้ลึกขึ้น
ถ้าหัดสร้างประโยชน์ให้กับส่วนรวม ให้เวลาเพื่อสังคมบ้าง
ถ้าหัดผ่อนคลายในช่วงที่การงานเคร่งครัด ตรึงเครียดมาก

"ถ้า" อีกหลายร้อยท่า-ดีๆ--เย็นๆ-- จะแปลงคุณค่าอันเรียบง่ายในชีวิตให้เป็นความสุขมั้ยหนอ

ก่อนที่คำตอบจะเดินมาหา ตอนนี้สรุปได้ว่า กำลังหัดมีความสุขเงียบๆกับการอ่านหนังสือเล่มโปรดทุกวัน
ความสุขอยู่ในกำมือ กำใจไว้ได้แม่น วาง--หนังสือ--ไม่ลง

Tuesday, January 27, 2009

พลัด-ถิ่น-พราก-ฐาน


ความพลัดถิ่นสร้างสะเทือนเฉือนอารมณ์
พลัดถิ่นพาพรากจากฐาน ดวงตะวันฉายฉาน เห็นสี ฟังเสียงแห่งความพลัดถิ่น

เสียงครวญหวนไห้ในวันหนาว หรือ เสียงบ่นยาวๆ เล่าเรื่องความไม่จีรังของชีวิต
เสียงพึมพำตรำตราก แห่งวัฒนธรรมวิบาก เสียงเงียบๆของความสับสน ปนอยุ่ในสุ้มในเสียง
เสียงความสันโดษ-โลดโผนโจนทยาน ปลิวปล่อย ลอยผ่าน ถิ่นพักพึงใจ
สรรพเสียงแห่งความพลัดถิ่น เปล่งสำเหนียกเรียกถิ่นที่พลัดพราก

เห็นสีน้ำตาลไหม้ เห็นหัวใจวันหมองมัว
เห็นเทาไม่เท่าขาว เห็นดาวไม่ทั่วฟ้า เห็นเพลาพาผ่าน นานเกินใจไหวรอ
เห็นดำ ขลำขลัง เห็นพลัง รวมความหวัง
เห็นแดงแดด แสงจ้า พลันนภากระจ่างหาย
เห็นแดงแฝงมายา เห็นพื้นพสุธาเปื้อนน้ำตาจากคนรอบกาย
สีสรรแห่งความพลัดถิ่น รวมนานา สรรพสี รวมชีวี รวมวิญญาณของคนพลัดถิ่น

เกี่ยวร้อยเกาะกัน สีสรร สรรพเสียง
หมู่บ้าน เมืองใหญ่ ลำธาร สายน้ำ ขุนเขา เห็นเงาแห่งแผ่นดิน
ฐานพราก ถิ่นพลัดจากมา เป็นมนตราแห่งชีวิต เป็นลิขิตแห่งวิญญาณ

Monday, January 26, 2009

ภาพเล่าชีวิต


ภาพพูด ดูดโดนใจ จับได้ ขยายให้ใหญ่่ ถ่ายภาพเก็บไว้
ถ่ายหัวใจ ถ่ายชีวิต ให้มีหลากมิติ ผ่านภาพ ผ่านเพลา
บางภาพแอบเผยเสี้ยวชีวิต พันล้านอารมณ์ ไตร่ตรอง ตรึงจิต ชีวิตงดงาม
บางภาพมีวิญญาณตามวิถีธรรมชาติ ให้อยู่พอดี ไม่ต้องมากมีชีวีพอเพียง
บางภาพซ่อนสนุก เห็นอารมณ์ขันขบ เห็นขนบในสายชีวิต-ประจำวัน
บางภาพสะท้อนใจ อดแอบน้ำตาไหล ใครหนอใครช่างถ่ายภาพ เห็นเงาเห็นเศร้า
บางภาพพูดได้ ไม่พูดมากมาย แต่บรรทุกสารพันอารมณ์ มาให้ชื่นชม
บางภาพมองง่าย เห็นเส้นเป็นสาย หลายสีมีมา
ภาพเล่าเรื่องชีวิต ทุกภาพแฝงคติ มีเรื่องในภาพ มีใจในชิวิต
เก็บภาพไว้เล่าความคิดในชีวิต

กลายร่าง


กลายร่าง กร่างกราย ร่างกาย คลายตัว
หัวใจขุ่นมัว หายใจไม่ทั่ว เพราะตัวไม่ผ่อนคลาย
แอบมองกายา สำรวจ ตรวจตรา ไขมัน เผยหน้าเผยตา จับจองพื้นที่ทั่วตัว
โอ้ยเห็นไขมัน แอบพอกพูนไปตามเนื้อหนัง
โอ้ยเห็นไขมัน อยากจับไปหั่นห้าท่อน ทิ้งลงทะเลหิมะ
โอ้ยเห็นไขมัน หัวสลับสับส่าย มือก่ายกำพุง
โอ้ร่างกาย บัดนี้กลายร่าง จากบางเป็นหนา หากางเกงใส่อยาก ต้องลำบากพึ่งกระเปรง
โอ้หละหนอ ความเปลี่ยนแปลง ไม่จริงไม่แท้ ไม่แน่ไม่นิ่ง
เี๋ดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว ถึงคราวไขมันมาเป็นขบวน บีบไม่ออก ลอกไม่ไป
แอบมองไขมัน จับเกาะติดกัน เหนี่ยวรั้งที่ตะขอ
พุงยื่นขยายใหญ่ ออกไป ออกไป ไม่เกรงใจเจ้าของกายา
มองไป มองมา เห็นพุงยื่นหรา สี่ตา หนึ่งคน--นี่คือตัวเอง
อดอมแอบยิ้มกับไขมัน มาสวมกายา
"มัน" ตัวเล็กๆ แต่แผ่ขยาย ไกลออกไปดังสายใยแมงมุง
ใหญ่โตมโหฬาร โอ้ร่างกาย กลายร่าง

Sunday, January 25, 2009

รู้สึก ลึกชัด


แม้มาดหมาย คลายห่างความกระจ่างชัด ชีวิตอาจไร้ความแ่น่นอน
แม้ไม่รู้ว่า--วันหน้า-- ผืนผ้าแห่งชีวิตจะมีร่างรอย แบบใด
ไม่มีใครกำหนดเส้นทางให้ ราบ เรียบ เหตุการณ์ไม่แน่แท้
แต่อารมณ์ ความรู้สึก ต้องฝึกให้ชัด จับขัดให้ลึก
ใจดี ดีใจ เศร้า เหงา โศก ทุกข์ ต้องขีดอารมณ์ให้ชัด
ทำให้ชัดทำได้ เขียนให้ลึกฝึกได้ทุกวัน
เปล่งเสียงแห่งความรู้สึกจากเบื้องลึกแห่งหัวใจ
ให้สะท้อนไปไกลๆ เพื่อให้หวนกลับมาใกล้ตัว
ให้ความรู้สึกเป็นอารมณ์ที่ชัดเจน ไม่ว่าความรู้สึกนั้นจะเป็นเช่นไร

Saturday, January 24, 2009

โอดครวญ


ทำงาน เรียนหนังสืิอ ทำการบ้าน ตำหรับตำราต้องอ่าน มีชีวิตครอบครัว มีภรรยา มีสังคม มีเพื่อนมากหน้าหลายตา คนนี้อยากพบ คนนั้นอยากมาเล่นด้วย เหมือนถูกดึงไปข้างหน้าบ้าง ข้างหลังหน่อย เดี๋ยวซ้ายอีกที เดี๋ยวขวาสองที ขาดเวลาที่จะใช้ชีวิตสงบๆ ทบทวนตัวเอง คนข้างกายโอดครวญให้ฟังด้วยหัวใจซึมเศร้า

ขาดเวลาส่วนตัวเหมือนขาดสมดุล มี ให้ ได้ หมด ถ้าชีวิตเริ่มล้นปรี่ ต้องรี่หาทางออก
สติต้องตรองไตร่ ตั้งมั่น หัดปฏิเสธ ขีดเส้นเวลา วันไหนเรียน วันไหนเล่น
เรียนอย่างเดียวไม่สนุก เพราะสมองร้องหาความผ่อนคลาย โลดเล่นล้นเวลาอาจพาให้ห่างจุดหมาย
คนเดียวอยู่ไม่ได้ มนุษย์ร้องหาคู่ หาสังคม เพื่อทรงหัวใจให้ยั่งยืน

ฟังคำโอดครวญของคนข้างกาย หัวใจส่ายสลับ หันกลับมาใกล้ใจตัวเอง
ไม่มีใครสามารถ ทะลุ ทะลวงผ่านความตั้งใจของเราได้ ถ้าไม่ปล่อยให้-คนอื่น-มากำหนดชีวิต
บางที ผู้คนมากหน้าล้านตา เหตุการณ์นานาเป็นภาพมายา เดินออกมาทดสอบความจริงใจในชีวิต

บางทีเราอาจจะต้องยืนนิ่งๆ สื่อสารกับตัวเองให้ชัดเจน ก่ิอนปล่อยคำครวญโอด พร่ำบอกกับโลกว่า-ตอนนี้ชีวิตเต็มแล้ว

หัดส่งสัญญาณให้หัวใจรู้ว่าถ้าล้นต้องรีบลด ปลดได้ใจหมดห่วง

Friday, January 23, 2009

เงียบเดี่ยว สงบรำพึง


หน้าผากแตะพื้นดินชื้นๆ ทำการเคารพธรรมชาิติ และ สวัสดีดวงอาทิตย์
ใจตื่นรู้ เต้นกับความสบายที่ธรรมชาติหอบมาให้
วิ่งเข้าป่า หาธรรมชาติ เพราะวันนี้อากาศหอม อุณหภูมิเเข้าที่ ไม่ร้อน ไม่ต้องบ่นว่าหนาว ยังอยู่ในฤดูหนาว แต่วันนี้มีแดด เพิ่มความสดใสให้วันหยุดมีประโยชน์ เพราะได้อยู่กลางแจ้ง วิ่งเข้าหาธรรมชาติเพราะอยากอยู่กับความคิดดีๆ เงียบเดี่ยว สงบรำพึงรำพัน สองเท้า วิ่งสลับกันช้าๆ วิ่งด้วยความมั่นคง วิ่งตามความคิดอันกระจัดกระจายให้กลับมาอยู่ใก้ๆกัน ก้าวที่แตะลงดินแต่ละก้าว ใจกำหนด ลมหายใจที่สูดเข้าๆ ออกๆ คือความหมายของปัจจุบันขณะ หยิบเวลาขณะนี้ มาไว้ที่ใจ ที่เท้าทั้งสอง และ วิ่งต่อไปช้าๆ

Enya นักร้องสาวชาวไอริช เสียงสวยสะอาด โปร่ง แจ่ม เคยให้สัมภาษณ์ในรายการวิทยุของ National Public Radio เมื่อปีที่แล้วว่าผู้คนในยุคปัจจุบันเคยชินกับการอยู่ในที่ที่มีเสียงดัง รบกวนหู มากจนไม่อาจได้ยินเสียงของตนเอง เราควรจะมีเวลาอยู่กับตัวเองอย่างสงบ เงียบ อย่างน้อยวันละห้านาที สิบนาที เพื่อให้หัวใจ ความคิด และ จิตวิญญาณได้พัก ได้ทบทวนชีวิตที่ผ่านมา และจะผ่านไปในแต่ละวัน เธอหวังว่าเสียงเพลงอันไพเราะที่เธอพยายามร้อง เล่น แต่งแต้มขึ้นมาจะเปิดโอกาสให้คนได้พัก
ได้อยู่อย่างสงบๆ ในแต่ละวัน

เท้าทั้งสองชลอความเร็ว เริ่มหายใจเร็วขึ้น กายบอกให้หยุดพัก ยิ้มทักทายใบไม้แห้ง
ใจจดจ่ออยู่กับความสงบ เงียบเดี่ยว





Thursday, January 22, 2009

เนื้อแดด


เนื้อแดด แดงเกลี้ยง แดงกล่ำ โดยเฉพาะในฤดูหนาว
แสงแดดยามนี้มีค่าดั่งเพชร แสงส่องหน้า กระเพื่อมไปถึงแผ่นหลัง ทะลุผ่านใยผ้าฝ้ายตัวโคร่ง
แสงส่ิองลงไปถึงผิวชั้นใน ดึงให้ผิวชั้นนอกค่อยๆผุดความสดชื่นออกมา ทักทายโลกแห่งความขัดแย้งอีกครั้ง
เส้นแสงกระจายความอุ่น แผ่พลังร้อนไปสู่กายอันหยาบแห้ง กุมกระด้างที่ลมหนาวฝากไว้อย่างไม่ตั้งใจ
วัันนี้แดดอารมณ์ดีเดินมาให้คนยลโฉม สลับที่กับลมหนาวจัด ที่เพิ่งกลับบ้านไปเมื่อสองวันก่อน
บัดนี้อารมณ์อันขุ่นมัว อึมครึมของทุกผู้คน โดยเฉพาะของเรา แปลงกายเป็นสวนดอกไม้ที่ผลิบานในฤดูใบไม้ผลิ
อีกแค่ไม่กี่เดือน ฤดูใหม่ ฤดูใบไม้ผลิจะมาเยี่ยมหัวใจ

ได้ทั้งเปลือกแดด เนื้อแดดในฤดูหนาวครานี้ เหมือนได้วีซ่ากลับบ้านเกิดเมืองนอน
ได้เห็นคุณค่าของแผ่นดินผืนงามที่เกิดมา คุณค่ามากราคายามที่เขยิบตัวออกไปอยู่ต่างถิ่น ไปลองสวมวิถีตะวันตก
ไปเรียนขนบอันแตกต่าง ตรวจตราวิธีคิด วิถีคุย วิธีถาม ที่ไม่คุ้นเคย

หย่อนลำตัวขนาน ราบไปกับพื้นไม้กลางห้องหลังเล็กๆ เปิดม่านให้แสงผ่านกระทบตัว
เพื่อให้กายได้อาบน้ำแดดเงียบๆ
วันนี้หว้งให้มิตรภาพของชีวิตกับเนื้อแดด เติบโตที่ละน้อย ด้วยกัน
แสงแดด แสดแจ๋ ดูดี เด่น แดง
เนื้อแดด เนื้อแดงช่วยปรับอารณ์ ขยับปมโศกให้ผ่อนเบากาย สบายใจ

ขอออกไปทักทายปลายเปลือกแดดนอกบ้าน ก่อนที่ยามบ่ายจะขโมยแสงไป

Wednesday, January 21, 2009

ขณะนี้ ขณะหนึ่ง



ขณะนี้ ขณะหนึ่ง คงอยู่ คงเป็นไป
แต่ละขณะมีมา ผ่านไป ครั้งหนึ่ง ครั้งเดียว
ให้เห็นความสำคัญ ให้เห็นสติ ให้อยู่กับปัจจุบันขณะ
อดีตไม่วนกลับ อนาคตไม่รู้แน่ แต่ขณะนี้คือวิถีแห่งความจริง
ดึง ชัก ถัก ร้อย ใจ ให้อยู่ ให้เป็นจริงกับเวลาขณะนี้

รับรู้ความหมายในขณะคือของขวัญของวันนี้
คือการเคารพเวลาที่มีอยู่
คือการรับรู้ความเปลี่ยนแปลง
ตัดกังวล ตัดห่วงอารมณ์อันไม่จำเป็น ตรึงใจให้แน่นกับเวลาขณะนี้

ขณะหน้าค่อยเคลื่อนมา กลืนเพลาขณะนี้หายไป
เวลาขณะใหม่กลายเป็นปัจจุบัน
ขณะหนึ่ง

ไร้ขอบเขต


โลกเปลี่ยนทุกวัน
ใจเดินตาม ความฝันและจินตนาการถูกขัดเกลา ตะคุ่มเงาแห่งความจริงปรากฎกาย เชิดหน้า ชูตา
ชีวิตเหมือนมีกรอบกำหนดวิถี ที่นั่น ที่นี่ ที่โน่น ต่างกันราวฟ้าลืมดิน
เมืองนอก บ้านนา แอฟริกา ป่าเขา เอเชีย ยุโรป ลาตินอเมริกา
ฤาจะให้ระยะทางกำหนดจินตนาการ ฤาจะรอให้เวลาหมุนผ่าน ฤาจะให้ชีวิตมีเพียงหนึ่งด้าน
ไปเถอะ จับอารมณ์ให้ดี ค่อยๆย่องไป ก้าวไป ให้จินตนาการนำวิญญาณแห่งความผจญภัย นำหัวใจไปชิดติดฝัน
ให้ความรู้ คู่อารมณ์ ให้ศึกษาวิชาชีวิต ให้นึก ให้คิดกว้างๆ ไกลๆ ไร้ขอบเขต
ให้การเดินทางเป็นประตูไปสู่จินตนาการ ให้สวมหัวใจเด็กน้อยผู้ชอบการผจญภัย
ไม่มีใครห้ามจินตนาการแห่งชีวิต บนแผ่นดินอันงดงาม ไม่มีกำหนดหมดวีซ่า
ให้การเดินทางไปสู่ด้านลึกของใจเปิดม่านแห่งวิธีคิด ให้เห็นถึงปลายทาง
ให้การเดินทางชี้นำคำถามใหม่ๆ ให้ความสงสัยทำหน้าที่เป็นพี่คนโต
ให้ขอบเขตไร้ขอบข่าย ให้โลกกลมๆเป็นห้องเรียน ฝึกเขียน ฝึกอ่าน ฝึกถาม
โลกที่แปรเปลี่ยนทุกวัน จะเป็นโลกอันไร้ขอบแดน เพราะมีจินตนาการเดินทางไปข้างใจ

Tuesday, January 20, 2009

กาแฟ กับ พิธีการ


อดไม่ได้ที่จะต้องเขียนถึงเครื่องดื่มคู่ใจ กาแฟเข้มๆ
ดื่มขณะที่ประเทศอเมริกากำลังเดินหน้าเข้าหาความเปลี่ยนแปลง
นั่งดูพิธีสาบานตัวเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของประเทศอเมริกา
ในวันที่ความอิ่มใจของผู้คนที่เมืองหลวงคือรางวัลในใจที่แต่ละคนมอบให้ตัวเอง
พิธีการที่นำความปลื้มปิติมาให้ผู้คนที่นี่ พิธีที่จะค่อยๆเปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์
พิธีที่นำความคิด ความหวังใหม่มาให้คนอเมริกันและผู้คนทั่วโลก
ผู้คนรอบข้างต่างพูดถึงความแตกต่างที่รัฐบาลจะทำให้เกิดขึ้น รัฐบาลใหม่กล่าวถึงความร่วมมือและความรับผิดชอบในหน้าที่ของพลเมืองดี การพลิกความสิ้นหว้งและอุปสรรค ให้เป็นโอกาสในการสร้างชีวิต สร้างกำลังใจใหม่
สองสามชั่วโมงแห่งหน้าประวัติศาสตร์ เกิดขึ้นอย่างช้าๆ สงบเสงี่ยม พร้อมกาแฟแก้วใหญ่ข้างๆกาย
กาแฟกระตุกความฝันที่กลบดานในห้องหนึ่งของหัวใจอย่างเงียบๆให้ออกมาทักทายโลกแห่งความจริงอีกครั้ง
น้ำสีน้ำตาลเข้ม รวมภาพอันกระจัดกระจาย ของความหวังให้มาใกล้ๆตัวอีกครั้ง
ประธานาธิบดีคนใหม่พูดถึงความเท่าเทียมในชีวิต ความคิด ความแตกต่าง
ไม่ว่าเราจะเป็นใคร มาจากไหน ผิวสีอะไร ทุกคนมีสิทธิฝันและสร้างฝันให้เป็นจริงได้
นั่งดูรายงายข่าวด้วยความตื่นเต้น พร้อมความความตั้งใจใหม่ กาแฟลดลงไปเกือบถึงก้นถ้วย
พิธีการทำให้ขนลุกซู่ซ่าด้วยความขลังของความสำคัญที่ประวัติศาสตร์อเมริกากำลังบันทึกลงในความทรงจำของทุกคน
กาแฟเร่งความคิด เตะความฝันให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาอีกครั้ง

ความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นในประเทศนี้จะเดินไปพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงในหัวใจของคนตัวเล็กๆในสังคม
คนที่พยายามจะทำความฝันให้เป็นจริง ไม่ว่า สถานที่ เวลา อายุ อารมณ์ ความแตกต่างจะเล่นบทสนับสนุนหรือคัดค้าน
สิ่งที่เราจะลืมไม่ได้คือ ทุกคนมีสิทธิฝัน และ สร้างฝันให้เป็นจริงได้ กาแฟหยดสุดท้ายที่ติดก้นแก้วบอกเช่นนั้น

Monday, January 19, 2009

สนุกๆ




มีวันหยุดยาวสองสามวันติดกัน ต้องหาเรื่องสนุกๆ เติมแรงบันดาลใจใส่ชีวิต

วันนี้มีกิจกรรมดีๆ ง่ายๆหลายอย่าง

เดินเข้าร้านกาแฟ ร้านโปรด รู้สึกสนุกอารมณ์ สั่งกาแฟร้อนถ้วยโปรด ดื่มช้าๆ นั่งดูคนเมืองหลวง
อ่านบทความจากรายการวิทยุแสนโปรด เป็นเรื่องของเด็กชายอายุเจ็ดขวบที่เขียนถึงความเชื่อ ความศรัทธาในชีวิตของตัวเอง
ฟังแล้วต้องฟังอีก หุบยิ้มไม่ลง ถ้าอยากฟัง ลองไปฟังที่นี่ http://www.npr.org/templates/story/story.php?storyId=99478226&sc=emaf
หยิบหนังสือเล่มโปรดมาอ่าน ( Plain and Simple by Sue Bender) ความเพลิดเพลิน ผสมความละเอียดในความคิดของผู้เขียนที่ถ่ายทอดประสบการณ์ของตัวเองในการไปใช้ชีวิตกับกลุ่มคนที่เรียกว่า Amish
ทำให้อดคิดแล้วคิดอีกไม่ได้ว่า ประสบการณ์ตรงคือห้องเรียน คือการเดินทางไปสู่ความเข้าใจในชีวิต
ไปกินก๋วยเตี๋ยวเรือหมูน้ำตก ดั้นด้นนั่งรถไฟออกไปนอกเมืองหลวง เพื่อไปหาของจริง ไปหารสชาดแบบไทยๆ อร่อยปนสนุก
ซดน้ำก๋วยเตี๋ยวคำสุดท้าย แล้วอดคิดถึงบ้านไม่ได้ ที่แย่ไปกว่านั้นคือห้ามใจไม่อยู่ เกือบสั่งมาอีกสองชามด้วยความสนุกในรสชาด
ไปเดินเล่นใจกลางเมือง ไปดูบรรยากาศการเตรียมงานก่อนพิธีฉลองประธานาธิบดีคนใหม่
เห็นคนมาจากหลายๆที่ แอบคิดสนุกๆในใจว่า ถ้าย้ายผู้คนที่เห็นทั้งหมดในวันนี้ไปอยู่เมืองไทย อะไรจะเกิดขึ้น
กลับเข้าบ้าน เปิดทีวีดูรายงานข่าวความเคลื่อนไหวในการเตรียมงานฉลองพรุ่งนี้ สนุกจัง

บางวันแรงบันลาดใจในชีวิตได้มาจากการเล่นสนุกในชีวิตประจำวัน ง่่ายๆ หลายๆอย่าง
สุขก่อตัวจากความสนุกเล็กๆ

ข้างหน้า


อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า อเมริกาจะมีผู้นำคนใหม่
ผู้นำที่ทั้งคนอเมริกัน และ คนทั่วโลกให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ
ผู้นำสีผิวคนใหม่ ที่จะพาประเทศอเมริกาก้าวไปข้างหน้าด้วยความหวัง ความฝัน และความเชื่อมั่นว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปได้
พรุ่งนี้จะมีพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ คนที่สี่สิบสี่
ทุกผู้คน เดินทางมาเฉลิมฉลองความหวังใหม่ มาจากหลายรัฐทั่วอเมริกา มาจากหลายประเทศทั่วโลก
วันนี้ไปเดินสำรวจเมืองหลวง บรรยากาศคึกคัก สินค้านานาชนิดที่มีรูปโอบามา ขายดีจนหยิบใหม่ไม่ทัน
ทุกหัวถนน มีงานเลี้ยง งานฉลอง รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ โปรยทั่วไปในอากาศ
เปลี่ยนผู้นำ เปลี่ยนทัศนคติ เปลี่ยนวิธีคิด ชีวิตเปี่ยมความหวัง
นี่คือภาพความเปลี่ยนแปลงอันสำคัญยิ่ง ของประวัติศาสตร์ประเทศอเมริกา ปี 2009
เสียงรถตำรวจ รถดับเพลิง ดังทั่วเมืองหลวงเป็นระยะ
ทหาร ตำรวจ ระดมพลทำหน้าที่เต็มกำลัง
ร้านอาหาร บาร์ เปิดทั้งวันทั้งคืน มีคนซื้อ มีคนขาย

ต่อจากนี้ไปอเมริกาจะไม่เหมือนเดิม
ผู้นำคือหัวนาวากำหนดทิศทางของประเทศ กุมหัวใจของคนทั้งเมือง
วันข้างหน้า ผู้คนทั่วโลกกำลังเฝ้ามองความเปลี่ยนแปลงของประเทศมหาอำนาจ
วันนี้ชีวิตมีความหวัง เพราะคิดถึงวันข้างหน้าที่จะดีขึ้น

Hope Change Dream คือสามคำสั้นๆที่ปั่นหัวใจคนอเมริกันให้คลั่งใคล้ผู้นำคนใหม่

Sunday, January 18, 2009

มีศรัทธา มีพลัง



ลืมตาดูโลก เช้านี้ ตั้งใจจะไปทำงานด้วยความกระปรี้กระเปร่า แต่อาการปวดหัวฉับพลันดึงตัวให้หยุดนิ่ง หัวใจบอกให้พักผ่อน
ต้องจัดลำดับความจำเป็น และ ความสำคัญในชีวิตใหม่ งานที่ดี ทำไม่ได้ ถ้ากายและใจไม่พร้อม
เลือกเล่นกับความศรัทธา แทนที่จะฝืนออกไปทำงาน ทั้งๆที่ไม่สบายกาย
นั่งดื่มชาเงียบๆ เดินตามลมหายใจ นั่งมองชีวิตด้วยความศรัทธาอย่างสงบ
ชั่วโมงทำงานในชีวิตแต่ละคน ยาวนานไม่สิ้นสุด
ชั่วโมงแห่งความศรัทธาในชีวิต น่าจะยาวนาน ลึก แน่น เช่นกัน
ความศรัทธามีพลังบริสุทธิ์ กลม เนียน แผ่ขยายไปหลายทิศทาง
ศรัทธาในความถูกต้อง ความยุติธรรม ความดีงาม ความสงบสุข
ศรัทธาในมิตรภาพ ครอบครัว เพื่อนๆ คนรอบข้าง
ศรัทธาในความตั้งใจ ในความหวัง ในความคิดเชิงบวก
ศรัทธาในการหยุด พัก รู้จัก รักษาอารมณ์ ร่างกาย ให้สงบ ให้แข็งแรง

พลังในชีวิตคลายตัวออกมาช้าๆ จากความศรัทธา

Saturday, January 17, 2009

แอบมองชีวิต




ทดลอง แอบมองชีวิต
เริ่มมองชีวิตผ่าน(ผล)การทดลอง ครั้งแล้วครั้งเล่า
ชีวิตเริ่มต้นใหม่ได้ทุกวัน ทันทีที่ตื่นนอน ต้องเดินต้านลม ต้องวิ่งหนีหนาว
เพื่อทำการทดลองในห้องทดลองชีวิตอัน กว้าง ใหญ่ ลึก วน วก เร้าใจ ตื่นเต้น เต็มไปด้วยเรื่องสนุก ท้าทาย
มีคำถามให้ขบคิดตลอดเวลา คำตอบอาจจะคลุมเครือบ้างก็เพื่อให้ชีวิตมีบทเรียนที่เข้มข้นตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง
ไม่หยุดตั้งถำถาม สามร้อยหกสิบ(ห้า)หกวัน
เพื่อที่จะพยายามหาบทพิสูจน์ว่า ความไม่คุ้นเคยคือตัวเร่งปฎิกิริยาให้เดินต้านลมได้อย่างรวดเร็วและมั่นคงขึ้นจริงหรือไม่
ความไม่คุ้นเคยทำให้ พลังกายและพลังใจเข้มแข็งกว่าที่เคยเป็นมา (รึป่าว)
ความไม่สบอารมณ์ทำให้บทสนทนาในมุมกาแฟมีเสนห์ลึกล้ำขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ
ความทุกข์นำความหวานมาให้ความสุขอย่างแท้จริง
จุดเริ่มต้นและปลายบทสนทนาอาจนำไปสู่ขบวนการคิดอันไร้รูปแบบ นอกกรอบ
ไม่ว่าวันนี้ ที่แอบมองชีิวต จะเห็นภาพสะท้อนออกมาเช่นไร
การทดลองหาคำตอบให้กับหลายๆคำถาม ในชีวิตจะยังคงดำเนินต่อไป
ไปตามถนนที่มีคนปูทางให้บ้างแล้ว หรือ ไปตามถนนสายใหม่ที่ยังไม่มีใครถากถางทาง
คนที่แอบมองชีวิต บอกกับตัวเองว่า การทดลองกำลังจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง

หนาวไล่หลัง


วันนี้อุณหภูมิลดต่ำลง ความหนาวไล่หลัง
หนาวใจแก้ได้ง่ายๆ หนาวกายหน่ายแหนง อยากหนี
ระหว่างทางเดินกลับบ้าน ตัดสินใจ วิ่ง บนสะพาน
ไม่อยากใช้เวลาอยู่กับความหนาวบนสะพาน อยากหนีหนาวเลยต้องรีบจ้ำ
เท้าซ้าย เท้าขวา ยกขึ้นจากพื้นสลับกัน ฉับๆ กรุบกรับ เป็นจังหวะ
วิ่งไปได้หน่อย เครื่องในกายเริ่มอุ่น ในขณะที่อุณหภูมิภายนอกยังคงลดลง เรื่อยๆ
ทุกสิ่งรอบกาย แข็งยะเยือก เย็น ไม่เป็นผู้เป็นคน

ใจวิ่งไปไกลกว่าเท้า แอบคิดถึงขนมปังอบในเตาอุ่นๆ หยิบออกมาทาเนย ดื่มโก้โก้ร้อนๆเคลือบปากเคลือบท้อง
ความหนาวออกจากกายเพราะใจผลักหนาว ลมอุ่นก่อตัวทั่วร่าง ลมหนาวสะท้อนผ่านด้านหลัง
อุ่นจากเหงื่อตีกับลมหนาว กลายเป็นความลงตัว ไม่หนาว ไม่ร้อน
ชีวิตที่พอดีเกิดจากการผสมผสานของความร้อนกับความเย็น สีขาวปนสีดำออกมาได้สีที่ถูกใจไม่สุดโต่ง
ชีวิตหมุนไปตามบททดลองของความแตกต่าง บ้างดี บ้างร้าย บ้างหนาว บ้างร้อน
อย่าปล่อยให้ความหนาวไล่หลัง บางวันต้องหัดมองหาวิธีประนีประนอมกับชีวิต
อย่ากร่นด่าว่าทอความร้อน หรือ ความทุกข์ ต้องหัดมองหามุมสงบๆ เคารพชีวิต เคารพความฝัน
เปลื้องทุกข์ในชีวิต เปลี่ยนเป็นสุข ปรับกายให้สมดุลกับใจ

Friday, January 16, 2009

ปีนชีวิต


ชีวิตเป็นสิ่งมีชีวิตที่เคลื่อนไหวด้วยความรู้สึกที่ดี ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันแปรรูปเป็นบทบันทึกในการเดินทาง ประสบการณ์เป็นตัวโน้มนำให้จิตใจเปิดรับ เรียนรู้สิ่งต่างๆ อย่างที่ไม่เคยคิดว่าจะได้เรียนรู้ ได้ยิน สายตาเห็น มือสัมผัสผิว และ ลิ้มรสชาดของสารพันสรรพสิ่ง

ประสบกาณ์ที่เกิดขึ้นช่วยนวดความคิดให้รวมตัวกันเป็นรูปร่างที่น่าสนใจ หรือน่าสะเทือนใจ ขึ้นอยู่กับการตีความจากประสบการณ์นั้นๆ ว่าเป็นอย่างไร ประสบการณ์บ่มให้ใจตั้งมั่น ให้มีปัญญา โอบอ้อมล้อมหาความเปลี่ยนแปลง จากก้าวแรกสู่ก้าวต่อๆไป หนาวแค่ไหนก็ต้องอดทน

การเดินต้านลมคือรางวัล คือโบนัส คือโอกาส คือความขมขื่นปนความหอมหวาน คือความสับสนบนความจริง และคือความประทับใจในช่วงหนึ่งของชีวิต ชีวิตที่งอกเงย ต้องเผชิญกับพายุ ฝน ฟ้าคะนอง แถมหิมะอันหนาวเหน็บ เป็นระลอก ระลอก สติ ปัญญาจะแจ่มกล้า ตามแรงลมที่ฟันฝ่า กว่าจะพบทางลง ก็ต้องขึ้นให้ถึงยอดก่อน

นี่คือคติที่นักปีนเขาหลายๆคน ตระหนักดี

เขียน


ประสบการณ์อันแปลกใหม่ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันกระตุ้นให้คิด เขียน เขียนแล้วก็คิดอีกครั้ง และ เขียน
ดังที่ Anais Nin บรรยายไว้ว่า “we write to heighten our own awareness of life…we write to taste life twice, in the moment and in retrospection….when I don’t write I feel my world shrinking. I feel I lose my fire, my color.”

การเขียนสร้างสะพานเชื่อมระหว่างเหตุการณ์ให้มีความหมาย ให้เกิดการเรียนรู้ ช่วยให้รู้สึกผูกพันกับภาษาแม่ และฉุดให้สมองเร่งขบคิดเรื่องราวที่เกิดขึ้นในต่างแดนอย่างมีสีสัน สารพันมิติ

การเขียนทำหน้าที่คล้ายการเดินขึ้นลงบันได ลากอารมณ์อันขมขื่นให้กระจายไปสู่ส่วนอื่น ๆ ของร่างกายไม่ให้จมอยู่กับความคิดในแง่ลบ และช่วยดึงอารณ์ดีๆ ในวันที่อากาศดีกลับมาให้เป็นรางวัลแห่งชีวิต เดินไป ไต่มา คล้ายเป็นตัวเร่งปฎิกิริยา ไต่ขึ้น และ ลงไปอย่างต้วมเตี้ยมตามเส้นทางที่ไม่คุ้นเคยในการใช้ชีวิตที่อเมริกาในแต่ละวัน

ในขณะเดียวกันการเขียนก็ ทำหน้าที่คล้ายสะพานเชื่อมเส้นทางที่วกวนให้เวียนเข้าหากัน คนที่เดินอยู่บนสะพานนี่แหละ ต้องคิดหนักๆ และคิดให้ดีๆ ว่าจะเดินไปทางไหนต่อ ทางไหนที่จะมีบันไดต่อให้ หรือ ทางไหนที่จะทำให้เดินไปพบเส้นทางใหม่ ที่มักจะคิดว่าดีกว่า ทางไหนที่จะนำไปสู่ทางลัด และโยงไปสู่จุดหมาย ซึ่งตัวเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจว่าคืออะไร และอยู่ที่ไหน บางทีคิดมากเกินไป กลับเดินไปทางเก่า อย่างไม่ได้ตั้งใจ และชีวิตที่เดินต้านลมมักจะเป็นเช่นนี้

Thursday, January 15, 2009

เดินต้านลมหนาว


การใช้ชีวิตในดินแดนที่แตกต่างอย่างสุดโต่ง ระหว่างประเทศไทย กับ ประเทศอเมริกา
เหมือนการพยายามทรงตัวไต่ไปบนเส้นลวด ลมหนาวลอดผ่านวงแผนซ้าย ขวาที่แกว่งไป แกว่งมา
ลำตัว หนา สูง ใหญ่โอนซ้าย เอียงขวา จะล้มมิล้มแหล่
ลมแรงๆมาปะทะเมื่อใด ใจหล่นตุ๊บ แตะผิวดิน กลับทรงตัวได้อีกครั้ง ความภูมิใจลึกๆตื่นขึ้นทันท่วงที

ภาพอันฉาบฉวยที่ว่า อยู่อเมริกาสบาย (สบายกว่าเมืองไทย ไม่คัดค้าน แต่ก็ไม่เห็นด้วย) อยากให้เริ่มทบทวนใหม่ช้าๆ
การใช้ชีวิตในต่างแดนคือการสละความสะดวก สบายอันคุ้นเคย เริ่มหัดเดินเตาะแตะอีกครั้ง เดินไปล้มไป ในต่างแดน
ยิ่งเดินยิ่งล้ม เพราะเดินต้านลม

ความสบายอันฉาบฉวยที่ลอบมองผ่านเลนส์ที่สะท้อนในบทภาพยนตร์ ความยาวไม่เกิน สองชั่วโมง คือภาพความสุขระยะสั้น
คือภาพลวงตา

วันไหนที่ความทุกข์ใจเดินนำชีวิต สองชั่งโมงนานคล้ายสองปี ทุกวินาทีใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

ชีวิตจริงมีรายละเอียด มีล้านคำถาม มีหลายคำตอบ มีการดิ้นรน มากกว่าที่ใครจะนำมาถ่ายทอดได้ทั่วถ้วน
มีกำลังใจเป็นยาชูกำลัง

การปะทะลมแต่ละครั้งกระตุก กระดูกหลายๆชิ้นในกายให้สั่นคลอน ง่อนแง่น
กระตุ้นใจให้ระลึกคิดหาคำตอบหาความหมายของชีวิต
เดินปะทะลมแรง บ่อยๆ คำตอบที่ถามหา หมุนทวนมาตามลม

การใช้ชีวิตในต่างแดน ไม่ง่าย แต่แฝงความหมาย และมีหลายบทเรียนให้รู้ ให้คิด ให้ตั้งคำถาม ให้หาคำตอบ
บางครั้งอาจไม่สนุก (อย่างที่คิด) แต่ ประสบการณ์ช่วยเพิ่มพลัง กระตุ้นให้ตั้งคำถามในการดำรงชีวิตที่ดูเหมือนจะราบเรียบให้โลดโผน บ่อยครั้งที่ตื่นขึ้นมาพร้อมกับใบหน้าอันฉงน งงงวย หัวคิ้วชนกัน วันนี้จะมีเรื่องน่าตื่นเต้นอะไรให้เผชิญบ้าง

วันนี้จะทรงตัวอย่างไรดี หัวใจจะไปอยู่ที่ไหน

Wednesday, January 14, 2009

ทำงานเงียบๆ


งานไหน งานใด ถ้าได้ทำด้วยหัวใจ สงบ เงียบ มีพลัง มีความตั้งใจเป็นกองทัพ
งานนั้นสมบูรณ์ สวยงาน สวยงาม
ทว่าชีวิตมีเงื่อนไข มีข้อจำกัด มีอิสระไม่เท่ากัน
การมีโอกาสทำงานเงียบๆด้วยความตั้งใจ จึงเป็นวันพิเศษ เป็นช่วงแห่งความมหัศจรรย์
พิเศษ เพราะ ความเงียบช่วยเตรียมความพร้อมให้จิตจดจ่อ ให้ใจจริงจัง
ให้งานมีชีวิต รวมความรู้สึกดีใ้ห้เกิดขึ้น
ไม่ว่างานไหน ลองได้ทำด้วยความเงียบ จูงความตั้งใจไปข้างๆ
ปัญญาอันอ่อนโยน จะผลิบาน งานจะสำเร็จ อิสระพองเต็มหัวใจ

วันนี้รู้สึกพิเศษ เพราะ ฝึกใจให้ทำงานเงียบๆ ในห้องทำงานที่มีผู้คนมากกว่าห้าสิบประเทศเดินเข้าๆออกๆ
การได้ทำงานเงียบๆ ในความเร่งรีบของเมืองใหญ่ เป็นเหมือนการออกกำลังใจ ตัวหมุนซ้าย ย้ายขวา
แต่ กายานิ่งแน่ มั่นคง ใจสบาย

Tuesday, January 13, 2009

ดอกไม้


บางวัน ภาพดอกไม้ธรรมดาๆ หลายสีสรร กลับทำให้หัวใจยิ้มได้ไม่ยาก
ฝึกให้ดอกไม้กับหัวใจตัวเอง หัดเพิ่มค่าให้สิ่งธรรมดาด้วยการมองให้ทะลุ
ให้เห็นดอกไม้ในป่ารก ให้เห็นความสุขในความทุกข์ ให้เห็นคุณค่าในความลำบาก
ให้เห็นชีวิตแบบที่อยากเห็น อยากเป็น

มีนัดกับความสุข


วันนี้ตัดสินใจว่าจะต้องมีนัดกับความสุขให้ได้
คิดไม่นาน คิดง่ายๆว่า ความสุขเรากำหนดได้
ดีใจได้นัดกับความสุข
เรี่ยวแรง พลังใจในชีวิต แต่ละอาทิตย์ แต่ละวัน หมดไปกับการทุ่มเทให้กับงาน สนุกแต่เหนื่อย ใครบ้างไม่เหนื่อย
ไตร่ตรองต้องคิด นอกจากงานแล้ว ชีวิตที่สมดุลต้องมีการผ่อนคลาย สลายความเครียด และมีหนทางไปหาความสุข
เริ่มจาก เก็บความคิดอันขมุกขมัว เหนื่อยหน่าย สับสน พับเก็บไว้ทันทีที่เท้าก้าวออกจากที่ทำงาน
ขอบคุณร่างกายที่ให้อาศัยอยู่ชั่วคราวเพื่อให้ดำเนินชีวิตตามวาระ ตามความฝัน
แจกยิ้มให้กับคนรอบข้าง ฟังเสียงรอยเท้าที่ก้าวออกไป หยิบหัวใจตามไปด้วย
เดินช้า เดินเร็ว ขอให้เดินอยู่กับปัจจุบัน ขอให้เข้าใจทุกสิ่งตามที่เป็น
ปลดความหงุดหงิด งุ่นง่าน เปิดน้ำอุ่นชำระล้างกายา
เทชาหอมร้อนๆใส้ถ้วย เงี่ยหูฟังเสียงชากระทบก้นแก้ว ดูผิวน้ำชาปริ่มปากถ้วย
ดื่ม ดม ชม ความสุข มีนัดกับชีวิตข้างใน มีหัวใจเปิดรับความสุขงามๆ

Monday, January 12, 2009

เปิดประตู


เปิดประตูสู่โลกใหม่ เปิดหัวใจไว้กว้างๆ เปิดทางเดินให้สว่าง เปิดทุกอย่าง อย่างตั้งใจ
แย้มออกมา พาตัวออกไป ไปสัมผัส ไปรู้สึก ไปดูให้รู้ให้เห็น
โลกยังมีที่ มีหนทาง อย่าให้สิ่งเล็กอันน้อยมาขวาง ต้องกวาดทางให้กว้าง ให้เดินได้ดีๆ
มีหลายโลกน่าสนใจ มีหลายทางน่าติดตาม มีคำถามน่าค้นหา มีเวลา้ใช้ให้ดี
เดินออกไป เปิดประตูสู่โลกใหม่ ให้หัวใจหัดเริ่มต้นอีกครั้ง
มีประตูไปสู่จุดหมาย มีความหลากหลายเป็นตัวนำ

เปิดประตูสู่โลกใหม่ เปิดออกไป ให้กว้างๆ

Sunday, January 11, 2009

ไปสอยฝัน


ไปสอยฝัน ไปเด็ดความฝันให้หล่นลงมาสู่พื้นดิน
มาใส่อุ้งมือ มาสวมให้เต็มหัวใจ
เก็บฝันนั้นมาล้าง มาเกลา มาขััดให้เงา
ให้ฝันเป็นจริง อย่าปล่อยให้หลุดมือ

ไปสอยฝัน จับมันมาขยำมาขยี้ ปั้นให้เป็นรูป ให้เห็นร่าง
อย่าปล่อยให้ลอยออกไป อย่าให้ความประณีตปราณี มาหยุดล่าหาฝัน
เดินจ้ำออกไป ทุกก้าว ไปสำรวจต้นฝัน ไปเด็ด ไปสอยลงมา
ให้ฝันเป็นจริง อย่าปล่อยให้หลุดมือ

ไปสอยฝัน ให้วิญญาณอันหนืดหน่ายทำงานหนัก
ให้ชีวิตรู้รสชาดของความไม่สมหวัง ให้รู้ว่าความหวัง และความฝันจะตามมาติดๆ
วิ่งไปเล่นกับความล้มเหลว ไปเถอะ ไปเลือก ไปหาความแตกต่างในจังหวะชีวิต
เพื่อให้ฝันเป็นจริง
เพื่อให้ปลายลมหายใจมีคุณค่า
อย่าปล่อยให้ความฝัน หลุด ร่วง ลอย หายไป

เวลาวิ่งหนี



โอ้หละหนอ ชีวิตกับเวลา ผ่านมาให้เชยชมทุกวินาที แผล็บเดียว หนีหายไป ไม่รู้เหนือ ไม่รู้ใต้
จับหางนาทีไว้ กะกับตัวเองว่า เอาหละ วันนี้วันหยุด จะทำโน่น ทำนี่ สี่ห้าอย่าง
ปรายตาดูนาฬิกา อีกไม่กี่ชั่วโมงหัวต้องแตะหมอน เข้านอนอีกแล้ว อะไรกันเนี่ย
ความสุขกับการใช้เวลา ใช้ชีวิต ขยับข้อจำกัด และเงื่อนไขต่างๆ ให้เลือนหายไป
ความสัมพันธ้กับผู้คน ความคิดในชีวิต และการกระทำ ได้ทำถูกปนผิด ผ่านกาละ ผ่านหลายวาระ
เวลาวิ่งหนี วิถีชีวิตวิ่งตาม

Thursday, January 8, 2009

ดื่มชา



หลังเลิกงานเย็นนี้ ครึ้มอกครึ้มใจ เดินเข้าร้านกาแฟ แทนที่จะซื้อกาแฟ ใจผลุนผลันไปหาชา
ดื่มชารสเยี่ยม Earl Grey รสชาติหอมหวาน กลิ่นเครื่องเทศที่ปนมาในเนื้อชา ละลายความเหนื่อยล้าจากการงาน
ดื่มชาร้อนๆใส่นม ปลายความนุ่มของนมทำให้น้ำชามีน้ำหนักพอเหมาะ จิบแรกดึงโลกในใจเราไว้ได้ทันที
หยุด คิด ยิ้ม ติดใจ ติดรสชาดของ Earl Grey ติดหมัด

ชากลิ่นหอมๆแบบผลไม้รสเปรี้ยวผสมเครื่องเทศ กระตุ้นชีวิตให้ค้นหารสชาดอันหลากหลายที่ขาดหายไประหว่างการเดินทาง
กาแฟคือเคื่องดื่มอันแสนโปรด ไม่คิดเปลี่ยนใจ แต่วันนี้ขยับมุมไปหาชา กลับยิ่งติดใจ
คนเราต้องให้โอกาสตัวเองทดลอง เรียน รู้ แสวงหา ความแตกต่าง และ ความแปลกใหม่ในชีวิต
หากไม่เปิดใจ ไหนเลยจะรู้ว่า คุณค่าของสิ่งต่างๆ มีอยู่ในตัวอย่างอเนกอนันต์
เพียงขยับนิด หันหน่อย เดินออกไปสำรวจเพื่อนบ้าน เพิ่มรายการของสิ่งที่ชอบ
ให้ความสมดุลกำหนดว่าความพอดีคืออะไร เมื่อไหร่ เพียงแค่นี้
ทุกจิบที่ดื่มชา ดื่มกาแฟ จะเิพิ่มความสด ความหอมให้ติดใจ
อย่าลืมออกเดินทางพร้อมกับเครื่องดื่มที่โปรด เพื่อให้เป็นของขวัญกับใจตัวเอง

Saturday, January 3, 2009

หลงเสน่ห์



ต้นไม้ใหญ่ ใบไม้แห้ง สีเขียวอ่อนปนแก่แซมน้ำตาล ท้องฟ้าสีคราม กว้างไกล สุดลูกหูลูกตา
แม่น้ำโปโตแมค และลำคลองที่ไหลขนานกับเมือง ซึ่งเป็นเส้นทางออกสนามของนักปั่นจักรยานมือใหม่ ขาใหม่อย่างเรา
ผู้คนเดินทางมากจากหลายทิศ หลายแผ่นดิน มาใช้ชีวิต มาเรียนหนังสือ มาทำงาน ที่นี่
ร้านอาหารจากนานาเชื้อชาติ เผ่าพันธ์ สาระพันแบบ รูปร่างต่างๆกัน กลิ่นและรสชาด ประกาศความเป็นเอกลักษณ์ของตัว
ความขัดแย้ง ความแตกต่างทางการเมือง ความคิด ทัศนคติ การแสดงออก ความเป็นตัวตน

คือภาพที่เราแอบหลงเสน่ห์ชีวิตเมืองหลวงของอเมริกา อยู่เงียบๆ
หลงเสน่ห์ความขัดแย้งในความความเรียบง่าย สนใจการดิ้นรน การแสวงหาของผู้คน

คนที่มีความหวัง และ ความฝันเป็นจุดหมายนำทาง
คนที่ตั้งหน้าตั้งตาเดินทางไปบนถนน ชีวิต อย่างเราๆ
คนที่กระหายความเปลี่ยนแปลง
คนที่พยายามรับรู้คุณค่าของประสบการณ์

คนที่หลงเสน่ห์ชีวิตที่เลือกได้
วันนี้ ปีที่สี่อเมริกา ค้นพบสิ่งธรรมดาๆในชีวิตว่า
การหลงเสนห์คือแรงบันดาลใจที่เราเลือกให้เกิดขึ้นได้
เสน่ห์ผลักให้หัวใจเดินไปหาความหวัง

มีพลังขึ้นอีกหลายเท่าตัวเพราะเดินออกไปหาเสน่ห์ใส่ชีวิต

Friday, January 2, 2009

เรียบน้อย


เรียบน้อย งดงาม เดินตามคุณค่า
น้อยน้อย ลึกลึก จับให้เรียบ จับให้งาม จับจิต จับดิน
ดินคล้ายชีวิต ปั้นดินให้งาม ปั้นชีวิตให้ดี ต้องมีวิธี
จับอะไร ใส่ชีวิตเพื่อให้จิตงดงาม
จับอะไรใส่ดิน เพื่อให้เนรมิต ออกมาเป็นวัตถุดิบ ชิ้นดี
ให้เตาเผา บ่มเพาะ ประสบการณ์ในมวลชีวิต
ผสมวัตถุดิบ ดิน น้ำ ลม ไฟ
ผสมชีวิตให้เรียบน้อย งามหมด งามในใจ งามที่สุด

เดินข้ามสะพาน



จากอพาร์ตเมนท์ไปที่ทำงานใช้เวลาเดินสิบถึงสิบห้านาที เดินข้ามสะพานใหญ่ ฝ่าความหนาว
เดินไปคิดไป คิดเกี่ยวกับชีวิตที่ต้องข้ามสะพาน ต้องข้ามความวิบาก จนกว่าจะลอดไปถึงอีกฝั่ง ไปเจอความสุข
เดินไปคิดไป คิดเกี่ยวกับทัศนคติในชีวิต ตื่นมาวันใหม่ ถ้าทำใจเป็นบวก จะเห็นโลกสวยงามอยู่ตรงหน้าทันที

บางวันเดินไปเรื่อยๆ ไม่คิดอะไรเลย สุขใจไปอีกแบบ สุขใจเพราะหัดจดจ่อกับฝีเท้าที่ก้าวไปข้างหน้า อย่างจริงจัง

วันนี้ทำงานเป็นวันแรกของปีนี้ เดินไปข้างหน้าพร้อมกับหอบหิ้วความหวังและความฝัน พะรุงพะรัง แต่ตั้งใจหอบ
เดินไป มองผู้คนที่เดินผ่าน ส่งยิ้มให้ จะเห็นคนหน้าเดิมๆเพราะไปทำงานและกลับบ้านเวลาเดียวกัน สนุกดี
เหมือนมีชุมชนคนเดินเท้าเป็นเพื่อนร่วมข้ามสะพาน สวนกันไป ผ่านกันมา เหมือนคนแปลกหน้าแต่ก็ไม่เชิง
ยิ้มให้กันและกันอย่างอายๆ

วันนี้สุขใจ เพราะมองย้อนกลับไป ปีที่ผ่านมา เข้าท่าดี

ได้เลือกทำสิ่งที่อยากทำ อยากทำงานใกล้ที่พัก ต้องเลือกเอาว่าจะย้ายบ้าน หรือ ย้ายที่ทำงาน
ตัดสินใจย้ายบ้านเพราะมีงานที่สนุก หาบ้านใหม่ง่ายกว่าหางาน
ได้อ่านหน้งสือเล่มโปรดหลายเล่ม หัดเขียนหนังสือ หัดดูใจตัวเอง
ได้ขี่จักรยานทางไกล ไปชมธรรมชาติ ชมความสงบ งดงาม
ได้มีโอกาสขอบคุณชีวิต ขอบคุณเพื่อน ครอบครัว และสิ่งแวดล้อม
ได้หายใจสะอาดๆ ได้กินอาหารอร่อย
ได้พยายามทำความดี
ท้ายสุด ได้เข้าโรงพยาบาลสองครั้ง โอ้โห อะไรกันนี่

สิบสองเดือนที่ผ่านมา ชีวิตมีได้ มีเสีย มีสมดุล ต้องเดินข้ามสะพานนับครั้งไม่ถ้วน
อีกสิบสองเดือนข้างหน้า ชีวิตก็จะหมุนไปตามวงล้อ หมุนไปตามทัศนคติที่อยากให้เป็น

ทำงานเสร็จเดินกลับบ้านวันนี้ อดคิดไม่ได้ว่า คงไม่มีใครอธิบายความหนาวได้ดีเท่าคนที่มาจากเมืองร้อน
คงไม่มีใครเข้าใจความคิดถึงบ้านได้ดีเท่ากับคนที่จากบ้านมาไกลๆ
แต่ในใจก็อดคิดอีกไม่ได้ว่า ถ้าไม่มีความหนาว ความร้อนจะขาดประโยชน์
ชีวิตต้องมีด้านตรงข้าม ต้องมีหัวใจที่เปิดกว้างรับความแตกต่าง
หัดรู้ ให้เห็นแจ้ง หัดคิดให้เห็นจริง หัดใช้ชีวิตให้เป็นประโยชน์

เดินมาถึงสี่แยกไฟเขียวส่งสัญญาณใหเดินข้ามไปสู่สะพาน ทอดยาวไปในชีวิตอีกครั้ง

About Me

My photo
almost reaching her 40 and she is very happy to be able to wake up everyday, learn and live a good life.